อสังหาฯ-เฮลธ์แคร์ ธุรกิจดาวรุ่ง รับจีนเปิดบ้าน
หลากธุรกิจเด้งรับ ขยับแผนลงทุนกันคึกคัก หลังจีนเปิดประเทศ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยว คาดนักท่องเที่ยวจีนบินเข้าไทยตลอดปีนี้ 5 ล้านคน มาเติมยอดนักท่องเที่ยวปี 2566 จาก 20 ล้านคน เป็น 25 ล้านคน
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่นายกสมาคมอาคารชุดไทย “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประเมินจีนเปิดประเทศจะเป็นอีกแรงหนุนให้ตลาดคอนโดมิเนียมปีนี้กลับมาฟื้นตัวใกล้เคียงปี 2562 หลังอั้นมานาน โดยคาดการณ์จะมียอดโอนคอนโดมิเนียมประมาณ 2.2 แสนล้านบาท ในนี้เป็นยอดขายจากจีน 13,000 ยูนิต มูลค่า 50,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไตรมาสละ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมีคอนโดพร้อมอยู่พร้อมขายรอให้ช้อป
ด้าน “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้แสนสิริได้คุยกับเอเยนต์ หรือตัวแทนการขาย จากจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี เพื่อทำการตลาดและโปรโมชั่น เช่น แถมเฟอร์นิเจอร์สำหรับลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าจีนที่คาดจะเข้ามามาก และหลังเปิดประเทศมีคนจีนติดต่อเข้ามาขอโอนและมาดูคอนโดที่เมืองไทย ถือว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดี ซึ่งแสนสิริมีคอนโดพร้อมอยู่ 2,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 4 ล้านบาท มูลค่า 9,000 ล้านบาท พร้อมขายให้ต่างชาติ
ที่น่าจับตาไม่แพ้กันนั่นคือ ธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม มีมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้านบาท ว่ากันว่าหลังโควิดตลาดจะกลับมาร้อนแรงมากกว่าเดิม
หลังทั่วโลกเกิดการระบาดของโรค โควิดยาวนาน 3 ปี ทำให้ทุกคนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น เป็นแรงหนุนธุรกิจนี้เติบโตขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ 15% แม้จะไม่หวือหวา แต่เป็นเค้กก้อนใหญ่และธุรกิจดาวรุ่งแห่งปี
ปัจจุบันมีขาใหญ่โรงพยาบาลเป็น เจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งมากสุดกลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) รองลงมากลุ่มโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กลุ่ม โรงพยาบาลรามคำแหง-วิภาวดี และกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการ ผู้จัดการบริษัท โรงพยาบาลเครือปิยะเวท ฉายภาพหลังโควิดคลี่คลายและเปิดประเทศ ทำให้มีต่างชาติเข้ามารักษาสุขภาพในประเทศไทยมากขึ้นในช่วงปี 2565 เนื่องจากเชื่อมั่นในการแพทย์ของไทย ส่วนใหญ่มาจากประเทศแอฟริกา เอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย โดยมาตรวจเช็กสุขภาพร่างกายประจำปีและรักษาโรคทั่วไป เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคอ้วน รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะกัมพูชากับเมียนมาที่เข้ามาจำนวนมากผ่านทางพรมแดนและทางอากาศ มาตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไปและรักษาโรคยาก เช่น มะเร็ง
“นพ.วิทิต” ประเมินหลังจีนเปิดประเทศนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลมากขึ้น หลังอั้นมา 3 ปี โดยเริ่มเข้ามามากหลังตรุษจีน ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ขณะนี้มีเอเยนต์ทุกฝ่ายตื่นตัวพูดคุยกับคลินิกและโรงพยาบาล ซึ่งปิยะเวทก็ได้รับติดต่อเพื่อเข้ามารักษาตั้งแต่โรคลองโควิด โรคทั่วไป เสริมความงามและศัลยกรรม ตั้งแต่ใบหน้า ปลูกผม ดึงคิ้ว ทำตาสองชั้น ลบริ้วรอย เสริมหน้าอก กระชับร่างกาย รวมถึงการ ชะลอวัย สถาบันดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและยืนยาว หรือเวลเนส อีกรายการที่คนจีนนิยม คือการทำเด็กหลอดแก้ว หรือการรักษาโรคมีบุตรยาก
ในช่วงโควิดได้ปิดรีโนเวตโรงพยาบาลปิยะเวทพระราม 9 ใหม่ เพิ่งเปิดบริการช่วงเปิดประเทศ รับคนไข้ต่างชาติเข้ามาพอดี อีกทั้งยังลงทุน 500-600 ล้านบาท สร้างอาคารศูนย์รังษีรักษาเคมีบำบัดฉายแสงโรคมะเร็ง ด้านข้างโรงพยาบาลปิยะเวท จะแล้วเสร็จกลางปี 2567 รองรับผู้ป่วยนอก คนไข้จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา และยังลงทุน 2,000 ล้านบาท สร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ขนาด 400 เตียง เนื้อที่ 6 ไร่ ย่านวังหลัง กำลังเตรียมพื้นที่ก่อสร้าง คาดอีก 2 ปี จะสร้างเสร็จ
เช่นเดียวกับ “สิทธิ ภานุพัฒนพงศ์” ประธานกรรมการ บริษัท สินแพทย์ จำกัด ผู้บริหารโรงพยาบาลสินแพทย์ ระบุจีน เปิดประเทศจะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงพยาบาล โดยเฉพาะธุรกิจเฮลธ์แคร์จะได้รับอานิสงส์มาก เพราะคนจีนชอบเข้ามารักษาในไทยอยู่หลายโรค อาทิ มีบุตรยาก การชะลอวัย การทำให้สุขภาพดี การผ่าตัดและโรครักษายาก ล่าสุดจะมีโรคลองโควิดเพิ่มเข้ามา
ในส่วนของสินแพทย์ “สิทธิ” แย้มแผนปีนี้เตรียมรุกตลาดจีนเพิ่ม จากเดิมมีต่างชาติมาใช้บริการที่โรงพยาบาลสินแพทย์ศรีนครินทร์อยู่แล้ว เช่น กลุ่มประเทศ CLMV ตะวันออกกลาง หากเป็นโรงพยาบาลใหม่ต้องไปโรดโชว์เพื่อหาลูกค้า ถ้าโรงพยาบาลเก่ามีฐานคนไข้เก่าอยู่แล้วจะทำตลาดง่ายขึ้น ซึ่งวันที่ 11 มกราคมนี้ จะเปิดโรงพยาบาลสินแพทย์นครปฐม และเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง มูลค่า 6,000 ล้านบาท ได้แก่ โรงพยาบาลสินแพทย์ อุบลราชธานี ร่วมกับนักธุรกิจและนักอุตสาห กรรมท้องถิ่น, รังสิตคลอง 3 และนครสวรรค์ จะเสร็จปลายปี 2568
ขณะที่ “นพ.นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท มองจีนเปิดประเทศเป็นผลดีต่อภาพรวมต่อเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เกิดกิจกรรมส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงโรงพยาบาล เพราะคนจีนเชื่อมั่นการแพทย์ของไทยมาก และเข้ามารักษาหลายโรค เช่น ตรวจสุขภาพ ทันตกรรม ศักยกรรมตกแต่งมีบุตรยาก
หลังจีนเปิดประเทศทำให้ตลาดเฮลธ์แคร์เติบโต 20% จากมูลค่าตลาดรวม 2 แสนล้านบาท โดยเริ่มเห็นภาพชัดหลังเดือนมีนาคมนี้ โดยสมิติเวชเตรียมบุคลากรและ โปรดักต์ที่คนจีนนิยม เช่น การตรวจสุขภาพตั้งแต่ 1,000-100,000 บาทต่อคน รักษาการมีบุตรยากราคา 500,000 บาทต่อครั้ง การตรวจสุขภาพเฉพาะทางราคาตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท
ด้านความเคลื่อนไหวของตลาดศัลยกรรมอีกเทรนด์ฮิตของลูกค้าต่างชาติ “นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี เล่าว่า ปัจจุบันยันฮีมี ต่างชาติมาใช้บริการ 10% เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงโควิดมีอยู่ 2% โดยเริ่ม เข้ามามากขึ้นช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีทั้งตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย อาหรับ ดูไบ จะรักษาโรคอ้วน และประเทศอาเซียน เช่น ญี่ปุ่น กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ส่วนใหญ่ทำศัลยกรรมใบหน้า เสริมจมูก เสริมหน้าอก และรักษาโรค ทั่วไป
โดย “นพ.สุพจน์” คาดหวังหลังจีนเปิดประเทศจะทำให้ตลาดศัลยกรรมมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี คึกคักยิ่งขึ้น เพราะจีนชอบและยอมจ่ายเรื่องความสวยความงามมากกว่าชาติอื่น ยิ่งอั้นมานานยิ่งทำให้เขาอยากมามากขึ้น ซึ่งยันฮีเริ่มทำตลาดออนไลน์ เพิ่มล่ามภาษาจีน พร้อมจัดแพคเกจผ่าตัดกรามครอบคลุมการจัดฟันไว้บริการ
ฝั่งตลาดเวลเนสก็ไม่ยอมตกกระแส มีการอัพเดตจาก “ดุษฎี ตันเจริญ” กรรมการบริหาร บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน) และผู้ดูแลและบริหารงาน ด้านธุรกิจสุขภาพ ว่าได้ทำตลาดรองรับคนจีนไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปี 2565 รอดูจีนจะเปิดโอกาสให้เข้าไปทำตลาดได้มากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน่าจะเห็นภาพในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งบริษัทมีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นพันธมิตรมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ จะทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้น
หลังเปิดประเทศมีลูกค้าต่างชาติมาใช้บริการที่รักษา เวลเนส ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม คิดเป็นสัดส่วนแล้วมากกว่าคนไทย และคาดว่าปี 2566 สัดส่วนต่างชาติจะเพิ่มเป็น 60-70% โดยส่วนใหญ่มาพักฟื้นยาว 10-14 วัน ด้านแพคเกจการรักษาขึ้นอยู่กับโปรแกรมและระยะเวลา มีตั้งแต่ราคา 2-3 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท
เป็นเสียงตอบรับหลัง “จีน” คิกออฟเปิดประเทศ ส่วนจะเป็นแรงหนุนต่อภาคธุรกิจได้มากขนาดไหนนั้น คงต้องติดตามภาคต่อหลังจากนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน