อสังหาฯไม่โงหัว ที่อยู่อาศัยครึ่งปีหลัง เปิดตัวลด 2 หมื่นหน่วย
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ไม่ต่างครึ่งแรก โควิด-การเมือง ยังแรง บ้านแนวราบ เปิดตัวลดลง 2 หมื่นหน่วยไม่แพ้คอนโดฯ
คอนโดมิเนียมเปิดขายช่วง 6 เดือนแรกของปี ส่วนใหญ่มีราคาเฉลี่ยไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อตารางเมตร ถือว่าเป็นราคาผู้บริโภคจับต้องได้ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และให้ความสนใจพัฒนาคอนโดฯลดลง โดยหันไปเพิ่ม สัดส่วนบ้านจัดสรรมากขึ้น
ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ วิเคราะห์ว่า ยังคงไม่ได้แตกต่างจากช่วงครึ่งแรกของปีนี้และมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงในบางเรื่อง เช่น เรื่องของการเมือง เป็นต้น และการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของชาวต่างชาติก็ยังคงไม่ชัดเจน แม้ว่าอาจจะมีการเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ในบางกลุ่มแต่ก็คงไม่ได้กลับไปสู่ภาวะปกติแบบก่อนหน้านี้
ซึ่งถ้าการท่องเที่ยวของประเทศไทยยังคงไม่กลับมาแบบก่อนหน้านี้ก็คงยากที่ภาวะเศรษฐกิจจะกลับมาแบบเดิม และความเชื่อมั่นของคนไทยยังอยู่ภาวะชะลอตัวแบบที่เป็นมา ผู้ประกอบการทุกรายคงเลือกที่จะปิดการขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้วต่อไป ลดการเปิดขายโครงการคอนโดฯใหม่ และเพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านจัดสรรให้มากขึ้นแบบช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 20,000-25,000 หน่วยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แบบชัดเจน ส่วนบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครก็ลดลงเช่นกัน แต่ลดลงในสัดส่วนที่ไม่มากนัก โดยอาจจะมีจำนวนบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลประมาณ 29,000- 30,000 หน่วย น้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ที่มีบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ประมาณ 45,000-50,000 หน่วย ต่อปี
ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายจะยังพยายามหาเงินทุนในการพัฒนาโครงการจากช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาธนาคารมากขึ้น ทั้งการออกหุ้นกู้ซึ่งมีให้เห็นหลายรูปแบทั้งแบบระยะสั้น ระยะยาว และแบบไม่จำกัดระยะเวลาซึ่งอัตราผลตอบแทนก็แตกต่างกันไป และอาจจะสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร แต่พวกเขาเลือกที่จะระดมทุนแบบนี้เพื่อความรวดเร็วในการพัฒนาโครงการใหม่ รวมไปถึงการหาพันธมิตรมาร่วมพัฒนาโครงการเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้ทุนของบริษัทแบบ 100% ในการลงทุน ซึ่งวิธีการแบบนี้สามารถทำได้เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่หรือรายกลางในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ผู้ประกอบการรายกลางหรือรายเล็กนอกตลาดหลักทรัพย์คงต้องพยายามประคองสถานะของบริษัทให้รอดต่อไปในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบรุนแรงแบบนี้ และคาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 1-2 ปีจึงจะเห็นการฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม มองว่าการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่สำหรับคนที่มีความพร้อมกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพราะสามารถได้ที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมในราคาไม่สูงอีกทั้งยังมีของแถมหรือส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมอีก แต่สำหรับคนทั่วไปก็ยากลำบากในการขอสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ทำงานในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบชัดเจนทั้งธุรกิจการบิน สนามบิน โรงแรม การท่องเที่ยว อาหารและเครื่องดื่ม
รวมไปถึงคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศที่คำสั่งซื้อหรือยดการผลิตลดลงจนต้องปิดกิจการชั่วคราวและถาวรมากขึ้นแบบที่เห็นนข่าว โครงการที่อยู่อาศัยรอบสนามบิน รอบนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งได้รับผลกระทบบ้างแล้วในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ