อสังหาฯสู้โควิดระลอกใหม่ ทุบราคา-ลุ้นปั๊มยอดโอนQ1
เปิดรับต้นปี 2564 สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศไทย ก็เข้าสู่ภาวะ “ชะงัก” อีกรอบ เมื่อช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงปี 2564 ประเทศไทย ต้องประสบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งเป็นการระบาดทั้งจากแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทย และคนไทยที่ได้รับเชื้อมาและเกิดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ส่งผลให้รัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้บรรยากาศของแต่ละจังหวัดเงียบเหงา ธุรกิจในหลายเมือง โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น พัทยา ภูเก็ต ระยอง รวมถึงฐานอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น สมุทรสาคร ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แน่นอนว่า ในช่วงปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2563 ที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่การระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งเรื่องการส่งเสริมการอุปโภคบริโภค หรือการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ให้กลับมามีอัตราการเติบโต แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการตอกย้ำบาดแผลให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
สำหรับผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปี 2564 นั้น คาดว่าผู้ประกอบการระมัดระวังในการลงทุนและเปิดโครงการใหม่ เพื่อรอประเมินสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบการในขณะนี้ดำเนินการได้ คือ การเร่งรักษาธุรกิจให้มั่นคงและผลการดำเนินงานให้รอด โดยเฉพาะในเรื่องการเร่งยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการอสังหาริมทรัพย์ให้มากที่สุด เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้เข้ามาหล่อเลี่ยงธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤตครั้งนี้
“เอพี-แสนสิริ” ตุนเงินสดผ่านยอดโอนทะลุ 91,000 ลบ.
ทั้งนี้ แม้ว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2564 จะลำบาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่ได้รับกลยุทธ์และปรับแผนธุรกิจ โดยเร่งรัดให้เกิดธุรกรรมการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอสังหาฯ ให้มากที่สุด โดยใช้เรื่องของ ราคา ส่วนลดที่มาก และของแถม เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเร่งโอน
บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ ที่ประกาศผลตัวเลขที่สวนกระแสตลาดในปีที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัท โชว์เรื่องของยอดโอนกรรมสิทธิ์รวมทะลุ 91,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัท เอพีฯ มีความแข็งแกร่ง คาดมียอดโอนสูงถึง 46,000 ล้านบาท โตกว่า 40% จากปี 2562 ขณะที่บริษัทแสนสิริฯ ทำได้ 45,000 ล้าน โตจากปีก่อน 45%
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า จากความพร้อมของพนักงานในองค์กรกว่า 2,000 คน ในการตั้งรับกับการปรับตัวที่รวดเร็วจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ตลอดจนความเข้มแข็งในการทำงานโดยมองไปที่เป้าหมาย EMPOWER LIVING เดียวกัน ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการกระแสเงินสดที่รัดกุม ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตมาได้อย่างมั่งคง สร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกไตรมาส
โดยคาดว่าในปี 2563 บริษัทฯ จะมียอดโอนรวมเกือบ 46,000 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ ต้นปีที่ 40,550 ล้านบาท หรือโตกว่า 40% จากปี 2562 และคาดว่าน่าจะเป็นยอดโอนที่มากที่สุดในตลาด พร้อมคาดการณ์ผลกำไรรวมทั้งปี 63 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทั้งหมดมาจากความสำเร็จในการส่งมอบสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จครั้ง ยิ่งใหญ่ของบริษัท และสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และมั่นใจว่าเอพี ไทยแลนด์จะสามารถมุ่งสู่การเป็นเบอร์ 1 ใน อุตสาหกรรมอสังหาฯ ไทย
อนันดาฯ โกยยอดขายปี 63 กว่า 17,473 ลบ.
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 มีการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งในและต่างประเทศนั้นบริษัทยังทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2563 มีสัญญาณการเติบโตที่ดี มียอดขายจำนวน 4,384 ล้านบาท ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3,712 ล้านบาท ถึง 18% ซึ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบ ส่งผลให้ยอดขายรวมของปี 2563 มีจำนวนกว่า 17,473 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 4%
โดยส่วนใหญ่มาจากการที่บริษัทมุ่งเน้นการขายโครงการ พร้อมอยู่ ซึ่งบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่หลากหลาย รองรับความต้องการของผู้ซื้อได้อย่างทั่วถึงทั้งผู้ซื้อในประเทศ และต่างประเทศโดยการพัฒนาโครงการในยุค New Normal นี้ จะเน้นในเรื่องของความคุ้มค่าเพื่อสอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และมาตรการสาธารณสุข เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจเมื่อมีการเยี่ยมชมโครงการของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทสามารถโอนโครงการคอนโดมิเนียม ที่สร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3/2563 ทั้ง 5 โครงการ ต่อเนื่องในไตรมาส 4/2563 คือ โครงการแอชตัน อโศกพระราม ๙ โครงการไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 โครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสต์พอยท์ โครงการ ไอดีโอ รัชดาสุทธิสาร และโครงการเอลลิโอ สาทร-วุฒากาศ ภายใต้แนวคิดใหม่เพื่อการใช้ชีวิต “THE NEW ICONIC” โดยทั้ง 5 โครงการข้างต้นจะช่วยผลักดันให้ยอดโอนในไตรมาสที่ 4/2563 สูงที่สุดของปี 2563 นี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐอย่างเต็มที่เพื่อร่วมกันระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยวางมาตรการเน้นย้ำความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกบ้าน ลูกค้า พนักงานและพันธมิตร เพื่อความปลอดภัยทั้งในโครงการและในทุกสำนักงานขาย เพราะความปลอดภัยของลูกบ้านและลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด
“ซีเอ็มซี” ปรับเกมอสังหาฯช่วยผ่อน 10 ปี
นางสาวอนงค์ลักษณ์ แพทยานันท์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) CMC กล่าวว่า ช่วงไตรมาสแรกถือเป็นโอกาสทองต้องรีบคว้าสำหรับผู้ที่มองหาคอนโดมิเนียมในราคาสุดคุ้ม และธนาคารส่วนใหญ่ได้มีการจัดแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สินเชื่อกู้ซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง CMC ในฐานะผู้นำการพัฒนาอสังริมทรัพย์บนทำเลเศรษฐกิจของไทยไม่รอช้า ปรับเกมการตลาด นำคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ มาจัดราคาสุดคุ้มต่ำกว่าทุน คืนกำไรและคืนความสุขให้กับลูกค้าจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงNext Normal
โดยจัดโปรโมชัน “ช่วยผ่อน 10 ปีทุบราคาพิเศษก่อนปิดโครงการ” กับ 5 คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ทำเลเศรษฐกิจ ใกล้แนวรถไฟฟ้า BTS/ MRT และศูนย์กลางธุรกิจ โดยโครงการที่เข้าร่วมมีราคาเริ่มต้นที่ 1.79-6.99 ล้านบาท ได้แก่
Bangkok Horizon LITE @ สถานีเพชรเกษม 48 มอบโปรพิเศษ “ช่วยผ่อน 10 ปี” เพียง 1.89 ลบ, Chateau In Town สุขุมวิท 62/1 ทุบราคาพิเศษ 5 ยูนิต เริ่มเพียง 2.39 ลบ., Bangkok Horizon รัชดา-ท่าพระทุบราคาพิเศษ 5 ยูนิต เริ่มเพียง 1.79 ลบ., Bangkok Feliz @ สถานีกรุงธนบุรี ทุบราคาพิเศษ 2 ยูนิต ราคาเพียง 4.99 ลบ. และ Bangkok Horizon สาทร ทุบราคาพิเศษ 3 ยูนิต ราคาเพียง 5.9 ลบ
บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) CMC เราห่วงใยและใส่ใจในความปลอดภัยของลูกค้าที่สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการในช่วง Next Normal โดยเพิ่มระดับมาตรการ “CMC คอนโดฯ ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19” ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ลูกค้านัดหมายเยี่ยมชมโครงการแบบ Exclusive Private Tour และเปิดช่องทางออนไลน์ www.CMC.co.th ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อคอนโดมิเนียมได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)
MJD โหมตั้งแต่ต้นปี โชคดี 2 ต่อ ลดสูงสุด 1 แสนบาท
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวว่า เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกระทบทั้งการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจของทุกอุตสาหกรรมด้วยกัน บริษัทจึงเตรียมจัดแคมเปญพิเศษคืนกำไรให้ลูกค้า เพื่อมอบเป็นของขวัญฉลองการเริ่มต้นใหม่ในปี 2564 ภายใต้ชื่อ “MOOORE LUCKY ยิ่งกว่าโชคดี ได้ฟรี! 2 ต่อ” ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ และรับส่วนลดเพิ่มเติมสูงสุด 100,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ไปถึงวันที่ 31 ม.ค. 64
“เราจัดแคมเปญ MOOORE LUCKY ขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2564 เพื่อชดเชยแก่ผู้ที่ตัดสินใจซื้อ ที่อยู่อาศัยไม่ทันนโยบายลดค่าโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลืออย่างละ 0.01% ของรัฐบาลที่สิ้นสุดลงเมื่อสิ้นปี 2563 เนื่องจากเราเห็นว่าการลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่วนลดเพิ่มเติมในแต่ละโครงการ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น”
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่เข้าร่วมแคมเปญ “MOOORE LUCKY ยิ่งกว่าโชคดี ได้ฟรี! 2 ต่อ” ทั้งหมด 8 โครงการ ได้แก่ โครงการมาเอสโตร 01 สาทรเย็นอากาศ, โครงการมาเอสโตร 03 รัชดา-พระราม ๙, โครงการมาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี, โครงการ มาเอสโตร 19 รัชดา 19-วิภา, โครงการเอ็ม จตุจักร, โครงการเมทริส พระราม ๙-รามคำแหง (Metris Rama 9-Ramkumhang), โครงการเมทริส ลาดพร้าว และโครงการ รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา
“วิลล่า คุณาลัย” เดินเกมรุกปี 64
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์แนวราบในปี 2564 ว่าจะมีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากความต้องการที่อสังหาฯ แนวราบยังคงมีความต้องการสูง และเป็นลูกค้าในกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) เป็นหลัก ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ รายกลาง และรายเล็ก ยังให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้อยู่ ดังนั้นเชื่อว่าหลังจากนี้จะเห็นการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น
ทั้งนี้ บมจ.วิลล่า คุณาลัย ได้วางแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยจะเน้นการใช้กลยุทธ์ศึกษากลยุทธ์คู่แข่งรายใหญ่ ภายใต้กลยุทธ์ “เกาะปีกอินทรี” โดยนำพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงกลยุทธ์ของคู่แข่งมาประเมิน เพื่อปรับให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทฯ ต้อง เตรียมความพร้อมทั้งในด้านสภาพคล่องเงินสด ที่ขณะนี้มีอยู่ 100 ล้านบาท รวมถึงแผนการใช้เครื่องมือทาง การเงิน ซึ่งสามารถรองรับกับแผนการพัฒนาโครงการในอนาคตในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
“บริษัทฯ ยังเตรียมสร้างเกราะป้องกันเพื่อ “รักษาแชมป์ในโซนของตัวเอง” และป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเจาะพื้นที่โซนยุทธศาสตร์หลัก เขตพื้นที่บางบัวทอง และพื้นที่เขตปริมณฑลอื่นๆ โดยจะเน้นกลยุทธ์ด้านการบริการลูกค้า ด้านราคาขาย รวมถึงการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น” สำหรับแผนการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในทิศที่ 3 นั้น ล่าสุด มีความชัดเจนในการลงทุนมากขึ้น โดยจะลงทุนในทิศใต้ของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการต่างๆ และจะต้องเสนอต่อผู้ถือหุ้นสามัญในช่วงเดือนเมษายน 2564 เพื่อขออนุมัติต่อไป เบื้องต้นคาดว่าสามารถสรุปรายละเอียดได้ในช่วงไตรมาส 2/2564 อย่างแน่นอน
ส่วนโซนพื้นที่โครงการเดิมของบริษัทที่มีการพัฒนาอยู่แล้ว 2 ทิศรอบกรุงเทพฯ ได้แก่ ทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ คือในโซนพื้นที่บางบัวทอง และทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ คือในโซนจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งทั้ง 2 โซนดังกล่าวถือว่าประสบความสำเร็จ
ในด้านการดำเนินธุรกิจในปี 2563 สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะอัตราการเติบโตของ รายได้รวมปี 2563 ที่มีโอกาสแตะระดับ 800 ล้านบาท จากปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้ 652.67 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการบ้านพร้อมโอน มูลค่ารวม 200 ล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 333 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564 ทั้งหมด
“ปี 2563 เป็นปีที่มีความท้าทายในการบริหารงานอย่างมาก บริษัทฯ ต้องปรับกลยุทธ์การตลาด ภายใต้วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดแนวคิดการอยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ ภายใต้ EVERYTHING AT HOME ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่บ้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชูจุดเด่นเรื่องของพื้นที่ใช้สอย ที่ให้ได้มากกว่า ทั้งในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง”
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา