อสังหากัดฟันถมลงทุนทิ้งทวนปีโควิด ตุนเงินสดรับการเมืองภายในตัวแปรฉุดความเชื่อมั่น
สู้เว้ย ! โค้งสุดท้ายปี 2563 ดีเวลอปเปอร์งัดสารพัดกลยุทธ์เพื่อก้าวให้ ข้ามช่วงเปลี่ยนผ่านเวลาไปสู่ปี 2564 “เฟรเซอร์ฯ ไทย” คว้ากำไรงวด 9 เดือน 2.5 พันล้าน “สถาพร เอสเตท” ซื้อแลนด์แบงก์ 99 ไร่ปักหมุดเจ้าตลาดโซนรังสิต “เสนาฯ” เดินหน้าสร้างแบรนด์โซลาร์ทาวน์เฮาส์เจาะตลาดแมส “เพอร์เฟค” เร่งตุนเงินสด 1 หมื่นล้าน “แอสเสทไวส์” เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านร่วมทุน สถาปนิกดังเจาะปั้นสินค้าแนวราบเจาะทำเลในเมือง
ไตรมาส 4/63 นับถอยหลังช่วงโค้งสุดท้ายของปี ภาวะปกติจะเป็นช่วง “เก็บตก” ผลงาน 9-10 เดือนแรก เพื่อจะได้รู้ว่า 2-3 เดือนที่เหลือของปีจะต้องเหนื่อยมากหรือน้อย เพื่อให้แผนธุรกิจเป็นไปตามที่ประกาศไว้เมื่อตอนต้นปี
ภายใต้สถานการณ์โควิดทำให้แนวโน้ม ภาพใหญ่หลีกเลี่ยงไม่พ้นธุรกิจที่อยู่อาศัย ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตมีโอกาสซ่อนอยู่ ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่เพื่อสะสมพอร์ตการพัฒนาโครงการรองรับอนาคตในปี 2564
FPT 9 เดือนกำไร 2.5 พันล้าน
นายธนพล ศิริธนชัย ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลดำเนินงาน 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2563) มีรายได้รวม 15,840 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,532 ล้านบาท เติบโต 7.8% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2562
แบ่งเป็น “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” มีรายได้การขาย 11,058 ล้านบาท ติดอันดับ top 5 มีโครงการอยู่ระหว่างขาย 59 โครงการ วางแผนเปิดใหม่ 3 โครงการในช่วงสิ้นปีนี้ ทำให้ขยับเป็น 62 โครงการ มูลค่า 78,000 ล้านบาท มียอดพรีเซล 25,000 ล้านบาท มียอดขาย รอโอน 2,400 ล้านบาท
“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล” มีรายได้ค่าเช่า 1,331 ล้านบาท โดยมีอัตราการเช่า 81% ณ เดือนกันยายน 2563 มีรายการขายสินทรัพย์ 2,800 ล้านบาท ให้แก่กองทรัสต์ FTREIT โดยบริษัทรับรู้กำไร 1,321 ล้านบาท และ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล” มีรายได้ 724 ล้านบาท มีอัตราการเช่า 93% จาก 5 โครงการ พื้นที่รวม 241,000 ตารางเมตร และโรงแรมกับเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1,100 ห้อง
“FPT ดำเนินกลยุทธ์ one platform เป็นบริษัทอสังหาฯครบวงจรทั้งที่อยู่อาศัย คอมเมอร์เชียล และอินดัสเตรียล มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 2 หมื่นล้าน ตามเป้าที่วางไว้” นายธนพลกล่าว
สถาพรซื้อที่ดินเพิ่ม 99 ไร่
นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/63 ภายใต้สถานการณ์โควิด แต่พบว่าตลาดบ้านเดี่ยวยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นสินค้าที่รองรับลูกค้าเรียลดีมานด์ 100% ประกอบกับสถาพรมีความเชี่ยวชาญตลาดกรุงเทพฯโซนเหนือ ล่าสุด ได้จัดซื้อแลนด์แบงก์ผืนใหญ่ 99 ไร่ ริมถนนรังสิต-นครนายก คลอง 4 ใกล้ร้านกาแฟชายทุ่ง วางแผนนำมาพัฒนาบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด 72 ไร่ อีก 27 ไร่ รองรับการลงทุนสร้างรายได้ประจำ (recurring income)
ล่าสุดแลนด์แบงก์ 72 ไร่ มีการเปิดขายเฟสแรกแบรนด์ใหม่ “ดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต-วงแหวน” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 335 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท รายละเอียดมีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ ฟังก์ชั่นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3-5 ห้องน้ำ ที่ดินเริ่มต้น 50.4 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 185-330 ตารางเมตร 2-3 ที่จอดรถ กับบ้านแฝด 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่ดินเริ่มต้น 36 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 163 ตารางเมตร วางแผนพัฒนาในเฟส 2
“โหนดเมืองกรุงเทพฯ 4 มุมเมืองมี จุดวงแหวนตัดห้างเซ็นทรัล เวสต์เกต บนถนนบางใหญ่-ตลิ่งชัน, วงแหวนตัดถนนบางนา-ตราด, วงแหวนตัดพระราม 2 และวงแหวนตัดถนนรังสิตนครนายก ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ จึงถือเป็นทำเลศักยภาพสูงทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญ มีช่องว่างทางการตลาดเพราะบ้านเดี่ยวตลาดกลาง-บนซัพพลายเริ่มขาดแคลน กลยุทธ์การแข่งขันนำเสนอสินค้าที่คุ้มค่ากับราคา เปรียบเทียบคู่แข่งในโปรดักต์ที่เท่ากัน ราคาตลาดอยู่ที่ 6.9 ล้าน ดิ อิเธอร์นิตี้ เป็นบ้านหลังใหญ่ แต่เริ่มต้น 5.9 ล้าน” นายสุนทรกล่าว
แอสเสทไวส์บุกบ้านในเมือง
นายกรมเชษฐ์ วิพงษ์พันธุ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเสทไวส์ จำกัด กล่าวว่า แผนธุรกิจภาพใหญ่เป้ารับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท มั่นใจว่าสามารถทำได้ตามเป้า โดยไตรมาส 4/63 มีคอนโดฯสร้างเสร็จ 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท คาดว่าปีนี้ลูกค้ารับโอนอย่างต่ำ 1,500 ล้านบาท เพราะตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพสูง ราคาเหมาะสม ทำให้ปัจจัยสงครามราคาแทบจะไม่มีผลต่อการแข่งขันของบริษัท
ขณะเดียวกันได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อบริษัท เจวี เจวี จำกัด โดยแอสเสทไวส์ ถือหุ้น 51% ร่วมกับหุ้นส่วน 49% จากสถาปนิกชื่อดัง 2 ราย คือ นายปจิตพงษ์ พงษ์ศิวาภัย และนายขจร จรูญวาณิชย์ กรรมการบริษัท บ้านภูริปุรี เพื่อโฟกัสการพัฒนาโครงการแนวราบทำเลใจกลางเมือง บนแลนด์แบงก์ไซซ์เล็ก จุดขายเสนอทางเลือกการซื้อที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่าในการตัดสินใจ
“หุ้นส่วนสถาปนิกทั้ง 2 คน รับงานออกแบบคอนโดฯในเครือแอสเสทไวส์ ที่มีมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ในช่วง ที่ผ่านมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จึงเป็น strategic partner ที่ทำให้วิน-วินด้วยกันทั้งคู่ ก่อนนี้ แอสเสทไวส์มีความชำนาญในการหยิบที่ดินแปลงเล็กทำทาวน์เฮาส์ระดับลักเซอรี่ 5-10 ห้องขาย มองว่ามูลค่าแต่ละโครงการอาจไม่สูงเป็นพันล้าน แต่เป็นโอกาสในการลงทุน โมเดลธุรกิจคือต้องการที่ดิน 3-5 ไร่ เพื่อให้สามารถทำพื้นที่ส่วนกลางที่ดีได้ และแน่นอนว่าตัวบ้านต้องฟังก์ชั่น เป็นสินค้าทดแทนห้องเพนต์เฮาส์ในคอนโดฯ ตารางเมตรละ 2-3 แสน”
เสนาฯปูพรมโซลาร์ทาวน์เฮาส์
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/63 บริษัทเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เสนา วีว่า เพชรเกษม-พุทธมณฑล สาย 7” มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท ทาวน์โฮม 2 ชั้นหน้ากว้าง 4 เมตร และ 5.7 เมตร ที่ดินเริ่ม 16 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 103-127 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 2-4 ห้องนอน 2-3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน จำนวน 210 ยูนิต
ก่อนหน้านี้เปิดตัวแล้ว 2 แบรนด์ คือ “เสนา วิลล์ ลำลูกกา-คลอง 6” มูลค่าโครงการ 790 ล้านบาท บนเนื้อที่โครงการ 32 ไร่เศษ ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมที่มีการติดโซลาร์เป็นครั้งแรก รวม 202 ยูนิต กลยุทธ์โครงการแนวราบเน้นเจาะตลาด 1.5-10 ล้านบาท ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว จนกระทั่งครอบครัวขยายรองรับผู้สูงอายุในอนาคต
เพอร์เฟคเร่งตุนเงินสดหมื่นล้าน
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากลงทุนโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ ล่าสุดมีความพร้อมในการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” มูลค่าโครงการ 5,400 ล้านบาท เน้นจุดขายคฤหาสน์ซูเปอร์ลักเซอรี่ ริมทะเลสาบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการพัฒนาโครงการของเพอร์เฟค
รายละเอียดสร้างบนที่ดิน 102 ไร่ แบ่งพัฒนา 2 เฟส โดยเฟสแรก 36 ไร่ แบ่งแปลง 57 ยูนิต ราคา 26-70 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอยตัวบ้าน 346-570 ตารางเมตร มูลค่าเฟสแรก 2,000 ล้านบาท
สำหรับช่วงโค้งท้ายปี 2563 นายชายนิดประเมินว่า สถานการณ์โควิดประเทศไทยรับมือได้ดี ทำให้เป็นปัจจัยบวก แต่มีปัจจัยกดดันจากการเมือง ในประเทศที่จะเป็นแรงเหวี่ยงต่อแนวโน้ม ภาวะเศรษฐกิจในปี 2564 ดังนั้น สิ่งที่อยากเห็นคือการเมืองในประเทศมีหนทางคลี่คลายเพื่อทำให้บรรยากาศการลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน แผนตั้งรับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการทำธุรกิจเพอร์เฟคเน้นแผนตุนกระแสเงินสดเป็นหลัก โดยตั้งเป้าขาย 10,000 ล้านบาท จากการประกาศขายที่ดินรามอินทรากับขายสิทธิการเช่าที่ดินทำเลรัชดาภิเษก 2 แปลง รวมกันมูลค่า 5,000 ล้านบาท กับอยู่ระหว่างเจรจาขายโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีก 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีข้อสรุปในปลายปี 2563 หรือกลางปี 2564
“นาทีนี้ต้องไม่ประมาท เพอร์เฟค มีแผนตั้งรับ 2 ปี 2563-2564 ต้องระมัดระวังและตั้งการ์ดสูง”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ