รับเหมาฯงานหด หั่นค่าก่อสร้างแย่งงาน
คอนโดล้นตลาดผู้บริโภคชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยแบงก์เข้มปล่อยกู้สินเชื่อโครงการอสังหาฯ รายกลาง-เล็ก เบรกแผนลงทุน-ขึ้นโครงการใหม่ กระทบตลาดก่อสร้างหดตัว รับเหมาก่อสร้างดิ้นสู้ หั่นค่าก่อสร้างชิงงานอสังหาฯ รายใหญ่สภาพคล่องสูงสบช่องเร่งประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ หวังลดต้นทุนงานก่อสร้าง 10-15%
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2563 อย่างมาก เนื่องจากภาคการลงทุนพัฒนาโครงการแนวสูง ไม่ว่าจะเป็น การก่อสร้างคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานโรงแรม รวมถึงห้างสรรพสินค้าถูกเลื่อนหรือยกเลิกไปจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทอสังหาฯ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และรายย่อย ซึ่งมีสภาพคล่องหรือเงินหมุนเวียนต่ำ ขณะที่สถาบันการเงินเข้มงวดการพิจารณาสินเชื่อโครงการอย่างหนัก โดยเฉพาะโครงการคอนมิเนียม
สมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) (STI) ธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง และให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม กล่าวว่า ปัญหาการหดตัวของดีมานด์ในตลาดคอนโด ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน ส่งผลต่อรายได้และสภาพคล่องบริษัทอสังหาฯ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้ต้องชะลอการลงทุนหรือยกเลิกการพัฒนาโครงการแนวสูงไป ส่งผลให้เกิดการหดตัวของตลาดก่อสร้างไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ รายเล็กและรายกลางที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินจะมีการชะลอการสร้างโครงการใหม่ หรือยกเลิกการก่อสร้างโครงการไป แต่กลับมีผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีข้อได้เปรียบจากช่องทางการระดมทุนได้มากกว่า เร่งเดินหน้างานก่อสร้างโครงการอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ประโยชน์จากการแข่งขันของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ยอมลดค่าก่อสร้างลงเพื่อให้ได้งาน ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้เข้ามาในช่วงที่งานก่อสร้างโครงการในตลาดมีจำนวนลดลง
นอกจากนี้ ยังสามารถลดต้นทุนด้านการก่อสร้างได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวลง ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างลดลง 10-15% โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสำนักงาน และโครงการ Mixed Use ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท เปิดประมูลงานก่อสร้าง 6-7 โครงการ
ที่มา: BUSINESS TODAY