"บ้าน-คอนโด"ซบยาวหลังคนชะลอซื้อดัชนีราคาหดตัวต่อเนื่องสวนทางซัปพลายพุ่ง
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผยผลกระทบตลาดอสังหาฯ จากวิกฤตไวรัสโควิด-19 คาดการเติบโตตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวยาวถึงปลายปี สงครามราคาแรงไม่พอดึงดูดการซื้อ ดัชนีราคาไตรมาสล่าสุดยังลดลงต่อเนื่อง สวนทางกับดัชนีอุปทานที่เพิ่มขึ้นถึง 37% จากปีก่อนหน้า ผู้พัฒนาอสังหาฯ ปรับแผนฝ่าวิกฤตหลังต้องปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง หวังภาครัฐจัดสรรวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศ ลดความรุนแรงของการแพร่ระบาดฯ ดันมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมในตลาดอสังหาฯ หลังเผชิญผล กระทบยืดเยื้อยาวนานข้ามปี
จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 183 จุด จาก 190 จุด หรือลดลง 4% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นดัชนีราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 60 มีเพียงบ้านเดี่ยวที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ทรงตัว ส่วนดัชนีราคาคอนโดมิเนียมลดลง 3% จากไตรมาสก่อน และลดลงมากถึง 8% ในรอบปี ประเมินผล กระทบจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ คาดว่า ตลาดอสังหาฯ ยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ และจะทรงตัวไปจนถึงสิ้นปี 64 โดยโอกาสที่ตลาดอสังหาฯ จะฟื้นกลับมาได้ช้า-เร็วนั้น ขึ้นกับภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดฯ ได้ และมีการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าต่อ ซึ่งช่วยดึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้กลับมา
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้นเป็นอุปสรรคในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกระทบภาพรวมการเติบโตของทุกธุรกิจ ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงจากความยืดเยื้อของการแพร่ระบาดฯ ดีมานด์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดฯ ระลอกล่าสุด ส่งผลให้ครัวเรือนจำนวนมากมีปัญหาในการชำระหนี้ เห็นได้จากระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันสูงถึง 90.5% ภาคอสังหาฯ ถือว่าได้รับผลกระทบทั้งทางตรงจากการโดนประกาศปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และทางอ้อมจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แม้ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะผลักดันโปรโมชัน สงครามราคา และใช้ช่องทางออนไลน์มาลดช่องว่างในการซื้อขาย แต่สภาพคล่องทางการเงินและผลกระทบด้านอาชีพของผู้บริโภคยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้จำเป็นต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน/คอนโดฯ ออกไปก่อน แม้จะยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
“แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมิ.ย.จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 42.7 จากระดับ 41.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ถือว่าผู้บริโภคยังไม่เชื่อมั่นกับภาวะเศรษฐกิจ จึงยังคงวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยนานขึ้น แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยทุกประเภทลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ ในขณะที่ดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% โครงการอสังหาฯ สะท้อนให้เห็นว่ายังคงมีสินค้าคงค้างอยู่ในตลาดอีกพอสมควร โดยเฉพาะคอนโดฯ”
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้ประกอบการได้ปรับแผนเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ นักลงทุน/ผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือชะลอการขายเพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงอื่นแทน คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีจะไม่สูงไปกว่านี้ และจะไม่เกิดภาวะอสังหาฯ ล้นตลาด มองว่ากุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น คือ การจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดฯ ไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ รวมทั้งภาครัฐควรมีมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยเหลือเยียวยาและพักหนี้ให้ผู้บริโภคที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในตอนนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา