'ธนาสิริ'รุก'คอนโด-เวลเนส' ตั้งบริษัทลุยธุรกิจบริหารชุมชน
บมจ.ธนาสิริฯ เดินหน้าทรานส์ฟอร์มธุรกิจ รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งการเปิดโครงการใหม่ การจับมือพันธมิตรญี่ปุ่นรุกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ขยายธุรกิจสู่ “เวลเนส” รูปแบบเชิงป้องกัน เตรียมพร้อมโครงการคอนโดฯ ในระยะข้างหน้า พร้อมตั้งบริษัท “ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ฯ” ธุรกิจบริหารชุมชนเต็มรูปแบบ รุกสร้าง Brand Values ให้กับองค์กร และลูกค้า ภายใต้โมเดล “Thanasiri Well-Being Model” คาดก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ไม่เกิน 2-3 ปี แย้มปี 66 ขยายบริการสู่โครงการพันธมิตร
บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้ชื่อ THANA ซึ่งดำเนินธุรกิจมามากว่า 35 ปี รวม 28 โครงการ มากกว่า 2,800 ครอบครัว มีพื้นที่หลักของการพัฒนาโครงการอยู่ในจังหวัดนนทบุรี รวมถึงได้ขยายโอกาสไปขยายฐานลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต จ.อุดรธานี และจ.สกลนคร รวมมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
ตั้งแต่ต้นปี 2565 ธนาสิริ ได้เข้าสู่ การทรานฟอร์มธุรกิจ อีกครั้ง กับผู้บริหารมืออาชีพ นายจรัญ เกษร ที่มากด้วยประสบการณ์ในสายงานโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารชุมชนมาหลายโครงการ ซึ่งแกนและแนวคิดดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธนาสิริ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ที่จะเข้าไปดูแลและบริหารชุมชน ผ่านการพัฒนาในรูปแบบของ Total Green Real Estate Development-Service
“ทุกเจ้าของมีแนวคิดในการทำและแนวทางพัฒนาธุรกิจ เพียงแต่เรามาเชื่อม และทำให้เป็นจริงเป็นจัง เป็นเรื่องเป็นราว เป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งเราเอาบทเรียนเอาประสบการณ์ตัวหลักที่เราได้ตกผลึกมาแล้ว มาทาบดู สิ่งที่เราเห็นในโครงการของบริษัทอสังหาฯ เราจะส่งต่อโครงการ หรือ ฮาร์ดแวร์ แต่ที่เรามาตาม ต่อยอด คือ เรื่องความสุข หรือ ซอฟต์แวร์ คือการเอาเซอร์วิส ที่จะเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ และขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ ทั้งหมด ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง แต่ทั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ จะไปเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สังคมโดยรอบ หากมองย้อนไป 10 ปี อาจจะมองว่าผลไม่กระทบทันที แต่วันนี้ เราได้เห็นแล้ว"นายจรัญ เกษร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ THANA กล่าวหลังจากมารับตำแหน่งได้ 8 เดือน
โดยในปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาฯเริ่มวางแนวคิดระยะยาว แม้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้ลูกค้าในแต่ละโครงการไปแล้ว ผ่านการสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ในโครงการให้ยืนยาว ดังนั้น สิ่งที่จะตามมา คือ งานบริการต่างๆ หลังจากที่เจ้าของบ้านเข้าอยู่อาศัยในโครงการของบริษัทแล้ว โดยงานบริการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวเสริมและเชื่อมต่อกับต้นทาง คือ บริษัทในฐานะเป็นผู้พัฒนาโครงการ เพื่อดูแลเจ้าของบ้านทุกหลัง ในทุกโครงการ โดยมีส่วนร่วมในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งหมดนี้เป็นแนวคิด (Concept) ที่ตั้งเป้าหมายและยังคงดำเนินการเช่นนั้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทยังคงมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวดในทุกมิติของ กระบวนการทำงาน เนื่องจากต้นทุนหลักของการพัฒนาโครงการ ที่สะท้อนไปถึงราคาที่นำเสนอต่อลูกค้าทุกท่านนั้น เกิดจากต้นทุนงานก่อสร้างและค่าแรงถึง 65-70% ซึ่งบริษัทมีการบริหารจัดการงานก่อสร้างที่คงไว้ซึ่งคุณภาพที่ดี
ดังนั้น ธนาสิริ จึงสร้าง Brand Values ด้วยการตั้งบริษัท ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อรุกธุรกิจบริหารชุมชนอย่างเต็มตัวเพื่อตอบโจทย์ Return on Sustainability โดยมีแนวคิดและแนวทางที่ตอบโจทย์ Passion/Mission ขององค์กร ภายใต้ Thanasiri Well-Being Model คือ 1. มุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างคุณภาพชีวิตของท่านเจ้าของบ้านที่ดี 2. ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เริ่มพัฒนาโครงการไปจนถึงท่านเจ้าของบ้านเข้าอยู่อาศัยในโครงการ และ 3. สังคมแห่งการแบ่งปัน ภายใต้สังคมของโครงการและสังคมรอบข้างในพื้นที่
โดยทั้ง 3 บริบทข้างต้นนั้น ถูกพัฒนามาเป็น Model การพัฒนาในรูปแบบ Total Green Real Estate Development-Service ที่สะท้อนแนวคิดตั้งแต่เริ่มต้นคิดจะพัฒนาโครงการ จนไปถึงเจ้าของบ้านได้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่โครงการ โดยแบ่งเป็น 7 กระบวนการ คือ 1. Green Development Concept : แนวคิดการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสังคมแห่งการแบ่งปัน 2. Green Land Acquirement : การจัดหาที่ดินที่เหมาะสม ผ่านกระบวนการที่โปร่งใส คำนึงถึงความเป็นอยู่ของสังคมดั่งเดิมที่บริษัทต้องเข้าไปดูแล 3. Green Design : การออกแบบในรูปแบบตามมาตรฐานของ Green, LEED และ Universal Design เพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของทุกเจน 4.Green Marketing & Sale: การตลาดและขาย 5. Green Construction: บริษัทได้กำหนดมาตรฐาน Green Construction ที่ต้องควบคุมคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน 6. Green Hand-Over การส่งมอบให้แก่ลูกค้าตามพันธะสัญญาที่ได้ให้ไว้ และ 7. Green Community Management : โดยทีมงาน Community Management เข้ามาดูแล ประสานงาน เพื่อให้คุณภาพชีวิตของท่านเจ้าของบ้านตอบโจทย์ Passion ที่บริษัทได้นำเสนอไว้ตั้งแต่ต้น ภายใต้แนวคิดและแนวทางของ Green Clean Lean
“เป้าหมายของเรา คือ อยากเชื่อมต่อและต้องการให้เกิด Passion ได้จริง ซึ่งการสร้าง Brand Values จะเห็นผลได้จริงคงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี”
สำหรับแผนเปิดโครงการในไตรมาส 3 เป็นต้นไปนั้น จะเปิดโครงการแนวราบใหม่เพียง 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,570 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอนาบูกิ ธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์ โครงการร่วมทุนกับกลุ่มอนาบูกิ โคซัน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 30 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด จำนวน 167 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 6.4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท โดยได้เปิดขายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 15%
โครงการธนาวิลเลจ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 19 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด จำนวน 115 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยที่ 4.3 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท กำหนดเปิดขายประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565
สำหรับโครงการ “ธนาเรสซิเดนท์ บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 21 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวสุดหรู จำนวน 47 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 17 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เลื่อนมาเปิดตัวในปี 2566
“ในปลายปี 2566 บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายฐานเข้าไปบริหารชุมชม ให้กับโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงของบริษัทพันธมิตรที่เป็นสมาชิกในสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อรองรับแผนรุกตลาดคอนโดมิเนียมครั้งแรกในระยะข้างหน้า เน้นพื้นที่ที่มีคนทำงานระดับกลาง-ล่าง ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
นอกจากนี้ ธนาสิริ สนใจร่วมมือกับพันมิตร รุกธุรกิจ Wellness ที่จะเป็นการบริการในการดูแลและป้องกัน ด้วย โดยอาจตั้งบริษัทในเครือขึ้นมา ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้”
ในส่วนของเป้าทางธุรกิจปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ยอดขาย (พรีเซล) ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งในแผนกรอบ 3 ปี ในเชิงตัวเลขจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท และกรอบ 5 ปี มีรายได้ 10,000 ล้านบาท มีการส่งมอบบ้านให้ลูกค้า 2,000 หลัง ค่าเฉลี่ย 5 ล้านบาท.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา