คอลัมน์ Biz Insight: สายไหม้
หลังการ “คลายล็อกดาวน์” หรือ ผ่อนปรนการคุมระบาดโควิด-19 เฟสสอง ที่ผ่านมา ส่งผลต่อความรู้สึก(Sentiment) ของลูกค้าในการเยี่ยมชมโครงการอสังหาฯ หรือการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น สังเกตได้จาก ตัวเลขจำนวนลูกค้าเยี่ยมชมโครงการ และยอดขายคอนโดปรับตัวดีขึ้นตามลำดับล่าสุดรัฐบาลกำลังจะคลายล็อกดาวน์เฟสสาม เชื่อว่า ทำให้บรรยากาศการซื้อขายอสังหาฯฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา
จังหวะเวลานี้จึงถือว่า เป็น“โอกาสทอง” สำหรับการระบายสต็อก โดยตัวเลขของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุว่าที่อยู่อาศัย เหลือขายทั่วประเทศปลายปี 2562 มีจำนวน 300,000 ยูนิต แบ่งเป็นยูนิตเหลือขายสร้างเสร็จแล้ว 68,000 ยูนิต แยกเป็นคอนโดมิเนียม 30,000 ยูนิต โดยสัดส่วน 2 ใน 3 อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยยูนิตเหลือขายสร้างเสร็จที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบจำนวน 38,000 ยูนิต
ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่งแคมเปญ “สงครามราคา” อยู่ฟรี สูงสุด นานถึง 5 ปี (60 เดือน) ของบางค่าย แถมยังให้เลือกว่า จะอยู่ฟรีหรือรับเป็น รถยนต์
งานนี้ใจไม่ถึงรับรองทำไม่ได้ !! สงครามราคาปีนี้ดุเดือนเลือดพล่าน บางยูนิตบางโครงการลดราคาลง 40-50% ล่าสุด ค่ายโนเบิล รีเซ็ตราคาใหม่ใน 6 โครงการ คอนโดพร้อมอยู่ แม้จะมาช้าแต่ “ลดราคาแรง” ยกตัวอย่าง โครงการโนเบิล เพลินจิต ราคาเริ่มต้น 7.6 ล้านบาท จากเดิม 14.4 ล้านบาทต่อยูนิต
เรียกว่าพอเปิดตัวแคมเปญมาปุ๊ป ลูกบ้านที่ซื้อราคาเดิมโทรมาเฉ่งโครงการ สายแทบไหม้ พอๆ กับคนโทรมากระหน่ำ ซื้อ..!!
ต้องยอมรับว่า เวลานี้อะไรที่ทำแล้ว ได้เงินกลับมา ทุกค่ายทำหมด ไม่กลัว โดนด่าหรือเสียหน้า อย่าง “โก้ ชานนท์ เรืองกฤตยา” LIVE สด จัด MIDNIGHT SALE ขายคอนโดตอนเที่ยงคืน เพราะ มิชชั่น(พอสซิเบิ้ล)ของทุกค่าย คือ “เซ็ตซีโร่” สต็อกคงค้างที่เหลืออยู่ออก ให้เร็วที่สุด เพื่อเตรียม “รีสตาร์ท” ธุรกิจหลังจบโควิด-19
คาดว่า ทุกค่ายจะทยอยเปิดตัว โครงการใหม่ไตรมาสสามปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
