SVR ชี้ตลาดอสังหาฯปีนี้โตออกแคมเปญการตลาดกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ทิศทางของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะไม่ต่อมาตรการผ่อนคลาย LTV (Loan to Value) แต่ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐมีการขยายอายุมาตรการการลดค่าธรรมเนียมในการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท
โดยลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนจาก 2% เหลือ 1% และลดค่าธรรมเนียมในการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รวมถึงการที่ประเทศจีนได้เปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดท่องเที่ยวไทยและตลาดที่อยู่อาศัยไทย จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ มีความต้องการ (ดีมานด์) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญเรื่องแหล่งทำเลที่ตั้งของโครงการ และการเดินทางคมนาคมสะดวก สะดวกสบายเป็นหลัก ซึ่งในส่วนการพัฒนาโครงการของ SVR เอง ก็ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความต้องการต่อเนื่อง เห็นได้จากการทยอยส่งมอบโครงการอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความต้องการที่ยังมีอยู่สูง
อย่างไรก็ตาม แม้ ธปท. จะไม่ต่อมาตรการผ่อนคลาย LTV ในปี 2566 ซึ่งจะมีผลกระทบกับการตัดสินใจซื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้างนั้น แต่ด้วยโครงการของ SVR ที่มีอยู่จับลูกค้าในกลุ่ม Real Demand (ลูกค้าที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย) เป็นหลัก อีกทั้งบริษัทยังมีการเตรียมความพร้อมในการออกแคมเปญทางการตลาด เพื่อสร้างยอดผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการ (Walk-in) ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
“แม้ SVR จะเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ แต่หากพิจารณาจากทีมผู้บริหาร SVR แล้ว จะเห็นได้ว่าเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดที่อยู่อาศัยมามากกว่า 30 ปี โดย SVR มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ ในระดับราคา 1-7 ล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และเป็นกลุ่ม Real Demand เพื่อตอบสนองทุกความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง” นายรณฤทธิ์ กล่าว
สำหรับในปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตสู่ระดับ High Growth อย่างยั่งยืนในอนาคต คาดว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลโครงการอย่างชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ โดยมีแผนขยายการพัฒนาโครงการเข้ามาในพื้นที่ใกล้โซน CBD ของกรุงเทพมากขึ้น จากเดิมที่พัฒนาโครงการในโซนพื้นที่ชาญเมืองเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินค้า อีกทั้งยังเพื่อต้องการขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยทุกโครงการที่จะพัฒนาใหม่ในอนาคต บริษัทยังคงเน้นพัฒนาโครงการเพื่อจับกลุ่มลูกค้า Real Demand เป็นหลัก
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น