SPALI ลุ้นกระตุ้นอสังหา ลุยแนวราบ10โครงการ
SPALI จับตารัฐบาลใหม่ เดินหน้าเศรษฐกิจ ชี้ “นายกฯ เศรษฐา” เข้าใจ ธุรกิจอสังหาเป็นอย่างดี กางแผนไตรมาส 3/2566 เปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 10 โครงการ มูลค่า รวมกว่า 9.65 พันล้านบาท หนุนยอดขาย ใหม่โตตามเป้า 3.6 หมื่นล้านบาท อวดแบ็กล็อกหนา 1.98 หมื่นล้านบาท รองรับการเติบโตรายได้ปี 2566 ราว 3.6 หมื่นล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ยังคงได้รับผลกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการกลับมาใช้มาตรการ LTV ที่มีผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ในระดับหนึ่ง แต่ข้อได้เปรียบของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ คือ สถาบันการเงินมีการปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า หรือปรับอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 1%
ส่วนประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เชื่อว่าจะเป็นผู้ที่เข้าใจเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หวังว่าจากนี้จะเข้ามาช่วยผลักดันเศรษฐกิจในประเทศให้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ต่อไม่ว่าจะในด้านใดๆ ก็ตาม และเชื่อว่าจะได้เห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างสภาพคล่อง รวมถึงการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบได้มากยิ่งขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มีความล่าช้า ซึ่งส่งผลโดยตรงต่องบประมาณและการลงทุนที่ล่าช้าลงไปด้วย
เปิดแนวราบ 10 โครงการ
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีกประมาณ 10 โครงการ มูลค่าราว 9,650 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา เปิดไปแล้วกว่า 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,210 ล้านบาท คาดว่าในช่วงเดือนกันยายนนี้ จะเปิดตัวโครงการใหม่ได้ตามแผนอีก 4 โครงการ มูลค่า 3,440 ล้านบาท
ทำให้คาดว่าจะเข้ามาช่วยสร้างยอดขายใหม่ (Presale) ได้เพิ่มมากขึ้น จากช่วงครึ่งแรกปีที่มียอดขายรวมแล้ว 17,286 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนใกล้เคียง 50% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2566 ที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท และมองว่ายอดขายในปีนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 14,285 ล้านบาท
แบ็กล็อกในมือแน่น
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 19,804 ล้านบาท ที่คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2566 นี้ ประมาณ 11,606 ล้านบาท และต่อเนื่องไปในปี 2567-2569 แบ่งเป็น 6,864 ล้านบาท 600 ล้านบาท และ 734 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย (Inventory) ในมืออีกมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5,000 ล้านบาท และคอนโด 15,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้รวมในปี 2566 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 36,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวมแล้วที่ระดับ 14,345.71 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 จะมีการเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน มูลค่า 2,300 ล้านบาท ที่ปัจจุบันปิดการขายแล้ว 100% และยังรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 ของโครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ มูลค่า 1,465 ล้านบาท อีกด้วย
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น