S พร้อมรับไฮซีซันครึ่งหลังเที่ยวคึกคักธุรกิจโรงแรมดี
นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผย ว่า สำหรับแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะเติบโตได้ดีขึ้น เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของผลประกอบการทั้งธุรกิจโรงแรม ภายใต้การ บริหารงานของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” หรือ “SHR” เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซัน ทั้งในประเทศไทย และมัลดีฟส์ ปัจจุบัน S เป็นเจ้าของโรงแรมทั้งสิ้นจำนวน 38 แห่ง ห้องพัก 4,552 ห้อง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว สำคัญ กระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค 5 ประเทศ
ประกอบกับธุรกิจที่พักอาศัยที่บริษัท ได้ทยอยเปิดโครงการ มียอด Pre-Booking เข้ามาแล้วบางส่วน ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทคาดว่าจะสามารถโอนได้ในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังสนับสนุนทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อาทิ ด้านการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะทยอยออกมาหลังจากนี้ โดยเชื่อว่าจะช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น สำหรับด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมจะช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศดีขึ้น และคาดว่าจะส่งผลดีต่อการโอนกรรมสิทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
เปิดโครงการอสังหาเพิ่ม
สำหรับธุรกิจที่พักอาศัย บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการอยู่อาศัยระดับพรีเมียมแนวราบ 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกคาดว่าจะเปิดในช่วงเดือนกันยายน 2566 และคาดว่าจะมีรายได้ทันทีรับรู้ในไตรมาส 4/2566 และเปิดตัวโครงการอีก 2 โครงการในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 โดยมองว่าปัจจุบันตลาดบ้านลักซ์ชูรีสินค้ายังมีจำกัด แต่มีดีมานด์อีกมาก
ขณะที่การพัฒนาคอนโดมิเนียมบริษัทจะเจาะตลาดกลุ่มใหม่ๆ ในระดับราคา 1 แสนกลางๆ โดยจะเป็นการร่วมทุน กับพันธมิตร ซึ่งโครงการใหม่กำหนดเริ่ม ขายภายในปี 2567 เพื่อตอบสนองความ ต้องการที่ฟื้นตัวอีกครั้งในตลาดคอนโดมิเนียม
ผลงานโตต่อเนื่อง
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมองว่าภาพรวมรายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวม 12,530 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมี รายได้รวมเติบโตที่ 6,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 แบ่งออกเป็น ธุรกิจโรงแรมมีการฟื้นตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 68% ถือว่าเติบโตสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19
ธุรกิจอสังหาซึ่งถือว่าเติบโตอย่างมีนัย สำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2565 เนื่องจาก การรับรู้รายได้และกำไรเนื่องจากบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ The ESSE สุขุมวิท 36 เป็น 100% ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง ไตรมาสที่ 2/2566 บริษัทสามารถรับรู้รายได้ เข้ามา 120 ล้านบาท ประกอบกับมีการโอนที่ดินบางส่วนของโครงการสันติบุรี, ขณะที่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ ในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 บริษัทรับรู้ค่าเช่าล่วงหน้าจากการปล่อยเช่าโครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ จำนวน 175 ล้านบาท, ด้านธุรกิจทางด้านนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาที่ดินตามแผนและคาดว่าจะเริ่มเห็นการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในปีนี้
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น