NWRโฟกัสงานรัฐคุมต้นทุนพุ่งตั้งงบสำรองรับมือของขึ้นราคา
NWR ทิศทางธุรกิจก่อสร้างเริ่มฟื้น เล็งประมูลงานภาครัฐ เป็นหลัก มองการลงทุนขนาดใหญ่ยังมี ต่อเนื่อง ไม่กังวลต้นทุนมีการผลักค่าใช้จ่ายได้ตามสัญญา รวมถึงแผนตั้งงบสำรองเผื่อค่าวัสดุสูงในอนาคต ไว้แล้ว เปิดตัวเลข Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 สูงถึง 39,882 ล้านบาท ทยอยรับรู้ปีนี้ 40% หนุนรายได้โตตามเป้า
นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2565 มีแนวโน้มดีขึ้น ภาครัฐยังมีการลงทุนเพื่อต่อเนื่องในโครงการขนาดใหญ่ ทำให้บริษัทโฟกัสงานหลักไปที่โครงการภาครัฐ ขณะที่ เอกชนแรงฟื้นตัวยังไม่มาก จากความ กังวลเรื่องเงินเฟ้อที่กระทบต่อเศรษฐกิจ ในภาพรวม
โฟกัสงานรัฐ
ในส่วนของต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ดี ส่วนหนึ่งเพราะการ โฟกัสงานภาครัฐทำให้สามารถส่งผ่าน ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้จากสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่าK) ส่วนงานที่รอเข้าประมูล จะมีการตั้งงบสำรอง เผื่อค่าวัสดุสูงกว่า งบประมาณที่วางไว้ อย่างไรก็ตามงานที่มีอยู่และเตรียมเข้าประมูลส่วนใหญ่เป็นงานของภาครัฐ
ในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทมีงานที่สามารถประมูลเข้ามาใหม่ราว 10,568 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 39,882 ล้านบาท รวมกว่า 52 โครงการโดยเป็นงานที่ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้วเกือบทั้งหมด คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 40%
อยู่ระหว่างติดตามงานใหม่เพิ่มเติม อีก 27,172 ล้านบาท โดย 50% จะเป็น งานโครงการโรงไฟฟ้า ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ทั้งของภาครัฐและเอกชน, โครงการก่อสร้างท่าเรือ, ระบบร่าง และ ทางด่วน เป็นต้น คาดหวังได้งานราว 10-15% ซึ่งปัจจุบันได้งานไปแล้วราว 10,500 ล้านบาท และคาดจะได้งาน รวมทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้บริษัทจะมี Backlog สะสมสูงกว่า 30,000 ล้านบาท สนับสนุน ให้มีรายได้ต่อเนื่องไปอีก 3 ปี
Q2 โตต่อเนื่อง
ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 บริษัทคาดว่ารายได้ ขยับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2565 เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2/2564 ขณะที่ ภาพรวมผลการเติบโตของรายได้ปี 2565 คาดทำได้ประมาณ 30-50% จาก การรับรู้มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2565 อยู่ที่ 39,882 ล้านบาท และอยู่ระหว่างติดตามอีกกว่า 27,172 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ ไม่ต่ำ กว่า 30-50% จากปีก่อนอยู่ที่ 11,212.85 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2565 ทำได้แล้ว 3,512.57 ล้านบาท และยังสามารถ พลิกกลับมามีกำไรสุทธิแล้วที่ 27.36 ล้านบาท หลังจากปี 2564 มีผลขาดทุนสุทธิที่ 768.34 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ซึ่งจะเห็นการฟื้นตัวอย่าง ต่อเนื่องไปในทุกๆ ไตรมาส
เปิดโครงการใหม่
ทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ ดำเนินการภายใต้บริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด นั้น ในปี 2565 บริษัทมีแผนจะ เปิด 2 โครงการใหม่ ได้แก่ บ้านเดี่ยว รังสิต คลอง 3 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในช่วงการออกแบบ และดำเนินการก่อสร้าง คาดจะเปิดตัวได้ ในช่วงปลายปี 2565 และโครงการคอนโดมิเนียม ASPEN เฟส D สูง 20 ชั้น มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท คาด จะเปิดขายได้ในไตรมาส 1/2566
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น