LHรัฐปลดล็อกก่อสร้าง ลุย10โครงการตามแผน
LH เดินหน้าเปิด 10 โครงการ ต่อเนื่อง หลังรัฐปลดล็อกกลับมาก่อสร้าง เล็งลงทุนธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพ-ต่างจังหวัดเพิ่ม เลื่อนเปิดศูนย์การค้า Terminal 21 พระราม 3 ออกไปเป็นช่วงต้นปี 2565 ระบุยอดเช่าอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐโตดี ด้านนักวิเคราะห์ส่องกำไรไตรมาส 2/2564 โต 36.5% เล็งปรับ ประมาณการกำไรทั้งปี 2564 ขึ้นจาก 7,327 ล้านบาท หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายภายในไตรมาส 3/2564 ชูโดดเด่นเรื่องปันผล ยิลด์สูง 6.6-7.5%
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวภายหลังรัฐบาลผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาเริ่มก่อสร้างโครงการได้หลังจากต้องยุติชั่วคราว 1 เดือนว่า บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนการดำเนินงานปี 2564 ทั้งการเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบอีก 8 โครงการ มูลค่าราว 5-6 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท รวมถึงพิจารณาทยอยดำเนินการโครงการโรงแรมประมาณ 3-4 โครงการบนทำเลศักยภาพทั้ง สุรวงศ์, ราชดำริ, ลุมพินี, และพัทยา ซึ่งจะทยอยเปิดไปจนถึงปี 2567 เช่นเดียวกับธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้เช่าทั้งในประเทศ-ในสหรัฐอเมริกา ยังคงมีอัตราการเช่าในระดับสูง โดยเฉพาะในสหรัฐ ซึ่งทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ IT กลุ่มผู้เช่าจึงเป็นพนักงานในบริษัทเทคโนโลยี ที่มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ จึงพิจารณาเลื่อนแผนการเปิดศูนย์การค้า Terminal 21 พระราม 3 ออกไปเป็นช่วงต้นปี 2565
ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำรายได้รวมทั้งปี 2564 ได้ที่ 3 หมื่นล้านบาท และยังคงเป้ายอดขายทั้งปี 2564 ไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท แม้ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทจะทำยอดขายได้แล้ว 50% ของเป้าหมายทั้งปีก็ตาม โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่าราว 7-8 พันล้านบาท
คาดกำไร Q2 โตแกร่ง
นายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ LH จะรายงานกำไรงวดไตรมาส 2/2564 ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 36.5% จากปีก่อน พร้อมคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ทั้งยอดขาย และยอดโอนโครงการทั้งกลุ่มแนวราบ และคอนโดมิเนียม
รวมถึงมี Upside Risk จากประมาณการรายได้ - กำไรทั้งปี โดยเฉพาะธุรกิจให้เช่าของฝ่ายวิเคราะห์ หากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้ เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2564 ของ LH ที่ 7,327 ล้านบาท คาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 6.60% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 9.80 บาท มี Upside ประมาณ 21.7% ปันผลเด่นยิลด์ 6.9-7.5%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุถึง LH ว่า มีมุมมอง Slightly Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่ 1.85 พันล้านบาท (+33% Y-Y, +6% Q-Q) เพราะโตสูงจากปีก่อนจุดเด่นของกำไรสุทธิ มาจากคาดกลุ่ม Low-Rise ที่การขาย/การโอน ทำได้ดี รวมถึงคาด GPM (= 31.1%) และ คาด NPM (= 22.2%) เป็น Trend เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และยังสูง สะท้อนไม่ได้กระทบจากการทำ Price Promotion อย่างไรก็ตามในครึ่งปีหลัง 2564 ถึงแม้คาด Residential Business ของ LH ยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มดีกว่าคาด แต่ Hotel Business
และส่วนแบ่งกำไร (HMPRO, LHFG และ QH) ที่อาจต่ำกว่าคาดจากผลของ COVID-19 ระลอก 3 กินเวลานานกว่าคาดมาก กดดันให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 มี Downside จากเดิม 1-2% โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564 และปี 2565 ที่ 7.57 พันล้านบาท (+4% Y-Y) และ 8.48 พันล้านบาท (+12% Y-Y) ตามลำดับ
ขณะที่คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 10.0 บาท โดยมอง Residential Business น่าจะยังแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม เพราะ Portfolio หลักเป็น Low Rise ในกลุ่มกลาง-บน ที่กำลังซื้อยังดีกว่ากลุ่มอื่น, แรงกดดันจากการลดลงของ เปอร์เซ็นต์ GPM ต่ำกว่า รวมถึงคาดปันผลจ่ายปี 2564-2565 ที่ 6.9-7.5% ยังสูงและสม่ำเสมอ
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น