CP LAND รุก5โครงการปี67 ผนึก17พันธมิตรปั๊มยอด1.4พันล.
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND มีการปรับเปลี่ยนองค์กรทั้งในเชิงของทีมผู้บริหาร การนำทีมฝ่ายประชาสัมพันธ์จาก MQDC เข้ามา สนับสนุนการทำกลยุทธ์เชิงรุก สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรใหม่ (รีเฟรชแบรนด์) ให้มีความทันสมัย เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเริ่มจากช่วงปลายปี 2565 ที่มีการเผยแพร่ภาพยนตร์ โฆษณาที่ส่งเสริมภาพใหม่ของ CP LAND เริ่มจุดพลุ กับ 'ความสุข เกิดขึ้นได้ทุกที่รอบตัวคุณ' นำแสดงโดย สิงโต นำโชค ศิลปินนักร้องชื่อดัง มียอดวิวกว่า 23 ล้านเพจวิว ต่อด้วยการจัด 5 อีเวนต์ใหญ่ ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านของปี 2566 ผ่านแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ส่งความสุขทั่วไทย ซึ่งทั้ง 2 แคมเปญ ดันรายได้รวมทะลุกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว
นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการ อาวุโสฝ่ายขายและการตลาดโครงการ บริการหลังการขายและลูกค้าสัมพันธ์ CP LAND กล่าวว่า ในช่วงสิ้นปีที่เหลืออยู่นี้ CP LAND เดินหน้าลุยต่อโดยวางกลยุทธ์ในการขยายตลาด ด้วยการสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับ 17 พันธมิตรภาคเอกชน และธนาคาชั้นนำ ผ่านแคมเปญ “สิงโต นำโปร” เป็นการผนึกกำลังเพื่อส่งต่อสิทธิประโยชน์สุดพิเศษให้แก่ลูกค้าให้ของ 18 โครงการที่มีทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม จากCP LAND รวมกว่า 1,800 ยูนิต รองรับความต้องการให้กับลูกค้าได้ ทั่วประเทศ ซึ่งมีราคาในกลุ่มสินค้าโครงการคอนโดฯ ตั้งแต่ 1.5-3.39 ล้านบาท และบ้าน มีราคาขายตั้งแต่ 4.5-6 ล้านบาท
“เรามั่นใจ แคมเปญส่งท้ายปีนี้ ที่ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ จะส่งเสริมให้มียอดขายกว่า 150 ยูนิต และทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 350 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีทะลุ 1,400 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดรับรู้ รายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท”
นายดำรงศักดิ์ กล่าวถึงแผนธุรกิจเบื้องต้นในปี 2567 และปี 2568 ว่า CP LAND จะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ การออกแบบ ที่จะทำให้ลูกค้าได้รับความรู้สึกถึงความคุ้มค่าในการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของ CP LAND ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยได้วางแผนเปิด 5 โครงการใหม่ ซึ่งในแผนงานวางเป้าปี 2567 เปิดแบรนด์ใหม่ 3 โครงการแนวราบในตลาดต่างจังหวัด เฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 1,500 ล้านบาท ขนาดเนื้อที่โครงการมีทั้งแต่ 30-50 ไร่ เช่น มีบ้านระดับราคา 5-8 ล้านบาท และ บ้านแพง ราคา 12-20 ล้านบาท
“เรามองเรื่องขั้นตอนการขออนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ถ้ารวดเร็วและไม่ติดขัดเยอะ เราก็อาจจะเปิดได้ครบ 5 โครงการ แต่คิดว่า ถ้าไม่ทัน ก็จะไปเปิด 2 โครงการในปี 2568 เช่น โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ซึ่งแน่นอนมูลค่าน่าจะสูง การที่เราขยับมาจับกลุ่มลูกค้ากลางและบนมากขึ้น ก็เนื่องจากลูกค้าไม่ถูกกระทบจากเศรษฐกิจ ซึ่งเรามั่นใจด้วยแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ก็ทำให้ตัวเลขอัตราปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจกต์เรต) ต้องไม่เกินร้อยละ 20 จากค่าเฉลี่ยของเราตอนนี้ประมาณร้อยละ 30 ซึ่งใกล้เคียงกับภาพรวมตลาดอสังหาฯ” นาย ดำรงศักดิ์ กล่าว.
Reference: ผู้จัดการรายวัน360องศา