CHEWAชี้ครึ่งหลังโตครึ่งแรก รายได้ปีนี้พุ่ง 2.8 พันล้าน ตุนแบ็กล็อก 2 พันล้าน
“ชีวาทัย” ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก เล็งเปิดขายโครงการ ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย-4 เฟส 2 มูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/65 ย้ำรายได้ปีนี้โต 2,800 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 2,042 ล้านบาท
นายธนิศร นิติสาโรภาส รองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2565 น่าจะเป็นไตรมาสที่เติบโตสุดของปี หลังจากสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มดีขึ้น ประกอบกับบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการ ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย-4 เฟส 2 มูลค่าโครงการเกือบ 1,000 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทมีรายได้รวม 1,195.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,170.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 96.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 49.76ล้านบาท ซึ่งมาจากการส่งมอบโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยได้มากขึ้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2565 คาดว่าอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/2565 เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3/2565 ไม่มีโครงการใหม่สร้างเสร็จ และไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่จะเป็นการขายและรับรู้รายได้จากโครงการเดิมที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย จำนวน 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,309 ล้านบาท และเป็นสินค้าพร้อมขาย (Inventory) ประมาณ 3,400 ล้านบาท จะรองรับความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทมีรายได้รวม 889.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 544.52 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 410.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.66 ล้านบาท
นายธนิศร กล่าวอีกว่า บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทวางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 3,800 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3-4/2565 น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ๆ ที่ผ่านมา
สำหรับเป้าหมายรายได้รวมในปี 2565 บริษัทเชื่อว่าจะทำได้ที่ระดับ 2,800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,136.67 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 2,042 ล้านบาท แบ่งเป็นจากโครงการคอนโดมิเนียม 1,451 ล้านบาท และจากแนวราบ 591 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะทยอยรับรู้ภายในช่วงที่เหลือของปี 2565
ด้านความคืบหน้าของธุรกิจตลาดบ้านมือสองนั้น ขณะนี้เริ่มมีรายได้เข้ามาแล้ว บริษัทคาดว่าภายในปี 2565 จะมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาท และภายในอีก 3 ปีข้างหน้ารายได้จากกลุ่มธุรกิจตลาดบ้านมือสองจะเติบโตเป็น 400 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เพื่อร่วมกันซื้อที่อยู่อาศัยแบบล็อตใหญ่ (Big Lot) และทำการตลาดร่วมกัน คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในเร็ว ๆ นี้
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น