BRI แบ็กล็อกรอเพียบ จัด4พันล.ซื้อที่ดินเพิ่ม
BRI ทุ่มงบ 4 พันล้านบาท ซื้อที่ดินรองรับการเปิดโครงการใหม่ ชูครึ่งหลังปี 2565 ฟอร์มแจ่ม ตุนแบ็กล็อกรอรับรู้กว่า 1.47 พันล้านบาท ลุยเปิด 4 โครงการใหม่ Q3/2565 มูลค่า กว่า 4.35 พันล้านบาทปักเป้ารายได้แตะ 7.25 พันล้านบาท ฟากโบรกคาดจะเติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ไปจนถึงสิ้นปี คงคำแนะนำซื้อเป้า 14.60 บาทต่อหุ้น
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2565 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีนี้ เพราะธุรกิจมียอดขายที่รอโอน (Backlog) อยู่ 1.47 พันล้านบาท ซึ่งคาดส่วนใหญ่น่าจะสามารถดำเนินการส่งมอบและรับรู้รายได้ภายในปีนี้ และที่เหลือคงต่อเนื่องในปีถัดไป รวมทั้งยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการที่ได้ร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์เข้ามาเสริมด้วย
สำหรับผลประกอบการปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ราว 7.25 พันล้านบาท แม้ในครึ่งแรกปีนี้บริษัทจะมีรายได้อยู่ที่กว่า 3.1 พันล้านบาท แต่มองว่าในช่วงที่เหลือปีนี้ยังมี Backlog ที่รอรับรู้อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังอาจจะมียอดขายจากโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้เข้ามาเพิ่มเติมด้วย
ตลาดแนวราบแนวโน้มดี
โดยในช่วงไตรมาส 3/2565 ทาง BRI มีแนวทางเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4.35 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวทางทั้งหมดในทำเลต่างๆ อาทิ วงศ์สว่าง, บางนา กม. 17 ฯลฯ เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มเติมให้กับธุรกิจ และสนับสนุนให้ภาพรวมผลงานปีนี้เป็นไปตามที่วางไว้
อย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดอสังหา ในครึ่งหลังปี 2565 บริษัทประเมินจะทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะตลาดแนวราบมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบนที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นไม่มากนัก สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ที่มุ่งเน้นเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “บริทาเนีย” ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และแบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” ที่เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าระดับบน
ทุ่มงบซื้อที่ดิน
นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังจะได้รับปัจจัยบวกจาก มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง และการผ่อนคลายมาตรการ LTV ให้ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสามารถกู้ได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนช่วยสนับสนุนกำลังซื้อและยอดขายที่อยู่อาศัยของ BRI แทบทั้งสิ้น
นางศุภลักษณ์ กล่าวว่า เสริมว่า ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทมีแผนทุ่มเงินลงทุนอีกราว 4 พันล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินแปลงใหม่เพิ่มเติม รองรับการพัฒนาโครงการต่างๆ ในปี 2566 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นด้วย
ส่วนผลดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 ทำนิวไฮโดยมีกำไรสุทธิ 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนยอดรับรู้รายได้รวมอยู่ที่ 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 11% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 729 ล้านบาท เติบโต 153% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดรับรู้รายได้รวม 3,135 ล้านบาท เติบโต 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ราคาเหมาะสม 14.60 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BRI ว่า คาดจะเป็นตัวเลือกหลักของ กลุ่มอสังหาในเชิงของการเก็งกำไรผลประกอบการปกติ ซึ่งคาดจะเติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ไปจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.60 บาทต่อหุ้น และเลือกให้เป็น Top Pick สำหรับหุ้นอสังหา ขนาดกลาง-เล็ก ประเด็นที่ต้องจับตาคือการเจรจากับพันธมิตรเพื่อจัดตั้งโครงการ JV เพิ่มเติม ซึ่งหากเกิดขึ้นจะเป็น Upside Risk ต่อทั้งประมาณการกำไรสุทธิและเงินปันผลในปี 2565
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น