ANAN ตั้งเป้ารายได้ 1.45 หมื่นล. เล็งเปิด 10 โครงการ-โมเดลธุรกิจใหม่
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 14,500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 2565 พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับ 30.6% จากเดิม 25% ซึ่งล่าสุดมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 12,000 ล้านบาท จะรับรู้ในปี 2566 ประมาณ 5,900 ล้านบาท ที่เหลือจะทอยรับรู้ถึงปี 2568
โดยบริษัทมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 นี้เป็นปีแห่งโอกาส โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่มีแนวโน้มเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้บริษัทมีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพพร้อมอยู่ พร้อมโอน บนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ (Blue Chip Location) ครบทุกเซ็กเมนท์ ในราคาที่ยังไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาของที่ดินที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าว่ายังเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้ชีวิตของคนเมืองได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีสต๊อกพร้อมโอน (In-ventory) ประมาณ 45,000 ล้านบาท ที่สามารถรองรับการขายให้กับลูกค้าได้ทันที
โดยบริษัทมีแผนลงทุนเปิดโครงการใหม่ในปี 2566 จำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 21,200 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท และมีแผน ลงทุนธุรกิจ Serviced Apartments 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ทั้งหมดคาดว่าจะเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น และ ASCOTT ซึ่งได้วางงบซื้อที่ดินในปี 2566 ไว้ 7,120 ล้านบาท
สำหรับโครงการไฮไลท์ในปี 2566 นี้เป็นโครงการระดับแฟลกชิพ ได้แก่ New Branded Residence ทำเลใจกลางสุขุมวิท ซึ่งเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก (World Class Partner) ที่ถือได้ว่าจะเป็นที่สุดของความร่วมมือในการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence ที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย และการกลับมาของโครงการ “ไอดีโอ พหล-สะพานควาย” ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสะพานควาย กับ Design Concept ใหม่ ห้อง Hybrid New Series เพื่อชีวิตคน GEN C
“บริษัทตอบรับโอกาสทางธุรกิจในส่วนของ Branded Residence ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจับมือพันธมิตรระดับโลก สร้างปรากฏการณ์มาตรฐานบทใหม่แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ ตอบโจทย์ดีมานด์ระดับลักชัวรี่ที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ด้วยการเปิดตลาด SUPER ULTRA LUXURY บนถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเป็นที่สุดของความร่วมมือสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแบบ Branded Residence ที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย”นายชานนท์ กล่าว
ในส่วนของธุรกิจ Serviced Apartment ในปี 2566 มั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทในทุกทำเล ซึ่งเปิดให้บริการเต็มรูปแบบทั้ง 5 โครงการเรียบร้อยแล้ว ด้วยปัจจัยบวกโดยตรงจากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯและพัทยา ก็เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจในอันดับต้นๆ ของโลก
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัว Business Line ใหม่ในปี 2566 ภายใต้รูปแบบ Professional Services and Management Consultancy รับบริหารและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Total Solutions ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายกับบริษัทแรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT เพื่อบริหารและพัฒนาโครงการแรกทำเล Prime Area สุขุมวิท 38 ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ รูปแบบ Mix Used ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และ Food and Beverages ในอนาคตอันใกล้คาดว่า จะมีความร่วมมือในโครงการอื่นๆลักษณะเดียวกันนี้ ทั้งกับ RABBIT และพันธมิตรรายอื่นๆ
ในขณะเดียวกัน บริษัทยังพัฒนาด้าน Tech Education เพื่อเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล มีจุดมุ่งหมายให้ไทยก้าวทันการพัฒนาด้านดังกล่าวทัดเทียมหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน บริษัทจึงจัดตั้ง The Master Academy (TMA) ขึ้น เพื่อที่จะสร้างทักษะและเสริมความคิดในทางธุรกิจ ผนวกกับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเริ่มจากการ upskill และ reskill โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเปิดตัวหลักสูตร The Data Master ทำหน้าที่ผลิตนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล หรือ Data Scientists ซึ่งปัจจุบันมีไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ โดยในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาสู่หลักสูตรอื่นๆ เช่น Blockchain และ Cyber Security ร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นการนำไปใช้ได้จริง รวมถึงความร่วมมือกับ Singularity University (SU) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
Reference: หนังสือพิมพ์แนวหน้า