A5 ชี้เงินเฟ้อพุ่งเป็นโอกาสซื้ออสังหาฯ
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยว่า สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 1.7-1.9% ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการที่อยู่อาศัยระดับบนที่จับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตและสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้
”การซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เห็นได้จากราคาที่ดินทั่วประเทศในอดีตที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 5% หากอ้างอิงตามราคาประเมินที่ดิน และค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 1% ขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง ประกอบกับปัจจุบันมีการผ่อนปรนมาตรการ LTV (Loan to Value) ให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังมีสต๊อกบ้านต้นทุนเดิม จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้” นายศุภโชค กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 Values of Life หรือ 5 คุณค่าของการใช้ชีวิต หนึ่งในนั้นคือ ‘Valuable Place For Collection’ หรือการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าเพิ่ม ควรค่าแก่การเก็บไว้ในระยะยาว โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการคัดเลือกที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต เน้นทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองสะดวก เช่น ทำเลถนนกรุงเทพกรีฑาที่มีการเปิดใช้ถนนตัดใหม่ ส่งผลให้ราคาที่ดินเปล่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 50-100% จากตารางวาละ 8-9 หมื่นบาท เป็น 1.2-2 แสนบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเปิดขายบ้านเดี่ยว3 ชั้นเฟสสุดท้ายในโครงการ “วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9-ศรีนครินทร์” เป็นต้น
ขณะที่โครงการต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ใกล้ BTS ชิดลม จำนวน 80 ยูนิต ที่บริษัทฯ เปิดตัวในปี 2562 ราคาเฉลี่ยยูนิตละกว่า 30 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 2.9-4 แสนบาท มีการปรับราคาขายเฉลี่ยปีละ 5-7% และปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี 2566 เนื่องจากซัพพลายมีน้อยและที่ดินเปล่ารองรับการพัฒนาโครงการหาได้ยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับที่ดินแบบ Freehold ( แบบมีกรรมสิทธิ์การครอบครอง 100%) จึงได้รับความสนใจจากผู้ที่มองหาคอนโดมิเนียมในทำเลใจกลางเมือง และ มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Reference: หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์