หวัง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ฟื้นอสังหาฯ
อสังหาริมทรัพย์
ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันซึ่งส่งผลกระทบต่อการหดตัวของตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์อย่างหนักโอกาสของการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ คือ กำลังซื้อจากต่างชาติดังนั้น ภาคการท่องเที่ยวจึงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัย สำคัญของการกลับมาของกำลังซื้อและดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เป็นอีกหนึ่งความหวังในการผลักดันให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว และอสังหาฯกลับมาฟื้นตัว และหากการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในครั้งนี้ส่งผลบวกให้ลูกค้า ต่างชาติกลับมาได้จริง สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการอสังหาฯต้องทำคือ การเตรียมความพร้อมและสร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึง การฟื้นฟูการท่องเที่ยว กระตุ้นแรงซื้อต่างชาติหนุนธุรกิจอสังหาฯฝ่าวิกฤตโควิด-19 ว่าจากข้อมูลการค้นหาที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้บริโภคที่เข้ามาใช้เว็บไซต์ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 แต่การค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยในอำเภอเมืองภูเก็ตพบว่ามีการค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 48% ถล้าง 164% กะทู้ 151% ขณะที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีการค้นหาข้อมูลเพิ่มขึ้น 96%
ขณะที่มีการค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในจังหวัดภูเก็ต เพิ่มขึ้นแต่มีปริมาณไม่สูงมากโดยพบว่าในอำเภอเมืองภูเก็ตความต้องการเพิ่มขึ้น 9% ถลาง 17% กระทู้ 13% ส่วนความต้องการเช่าในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีความต้องการเพิ่มขึ้น 48% จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีความน่า สนใจโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว
สำหรับมุมมองถึงโอกาสของการกลับเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาตินั้น ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ มองว่า กลุ่มชอบต่างชาติที่ยังให้ความสนใจที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนซึ่งสะท้อนจากตัวเลขการโอนที่อยู่อาศัยในปี 63 ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มลูกค้าชาวจีนมีสัดส่วนกว่า 60% รองลงมาคือรัสเซีย เยอรมนี อังกฤษ ทั้งนี้หากมองโดยภาพรวมของเศรษฐกิจแล้วประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจีดีพี่ขยายตัวสวนทางกับหลายหลายประเทศ ก็ยังเป็นประเทศที่มีประชากรถึง 4,000 ล้านคน และเป็นประเทศที่มีการแบ่งเมือง ออกเป็นเทียร์ต่างๆ โดยเทียร์อันดับหนึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจ
เทียร์ที่สองมีขนาดเมืองรองลงมาแต่จำนวนประชากรจำนวนมากพอๆ กับ กทม. เช่น เฉินเจิ้น เฉิงตู โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มเมืองเมืองระดับเทียร์หนึ่ง และสอง แต่ระดับเทียร์ 3 เที่ยร์ 4 ก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เป็นกลุ่มที่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยจะสามารถเข้าไปถึงได้เพื่อดึงให้กลุ่มลูกค้าจีนกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯไทย
”การเติบโตของจีดีพีจีนนั้นมีผลต่อรายได้ของประชากรจีน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ามีประมาณ 1.8 ล้านครอบครัว แต่ละครอบครัวมีรายได้ในครอบครัวเฉลี่ย 6 ล้านหยวน หรือประมาณ 30 ล้านบาท เป็นเงินที่พร้อมจะลงทุนในประเทศต่างๆ และกำลังพิจารณาว่าจะลงทุนที่ไหนและธุรกิจอะไรดี กลุ่มที่ 2 มีจำนวน 1.08 ล้านครอบครัว มีเงินเพื่อลงทุนมากกว่า 10 ล้านหยวน กลุ่มที่ 3 มีประมาณ 77.300 ครอบครัวเป็นกลุ่มที่มีเงินเพื่อการลงทุนมากกว่า 100 ล้านหยวน และ กลุ่มที่ 4 มีประมาณ 54,600 ครอบครัวมีเงินลงทุนมากกว่า 450 ล้านหยวน กลุ่มคนในเซกเมนต์เหล่านี้มีอัตราการเติบโต ของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นางกมลภัทร กล่าวว่า ประเด็นสำคัญ คือ ทำไมคนจีนเหล่านี้ถึงต้องการออกมาลงทุนในประเทศต่างๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนในประเทศจีนเมื่อกลุ่มอสังหาฯ นั้นมีราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เซี่ยงไฮ้ ราคาขายอสังหาฯ ต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 500,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ผลตอบแทนจากการเช่าอยู่ที่ 1% เมื่อเทียบราคาขายคอนโดฯในประเทศไทย และผลตอบแทนที่ได้จากคอนโดฯไทย ขึ้นอยู่ที่ 5-8% จึงดึงดูดมากกว่าทำให้ประชาชนจึงสนใจที่จะนำเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยธุรกิจที่ชาวจีนสนใจลงทุ่นในประเทศไทยมากที่สุดคือ อสังหาฯ มีราคาต่ำแต่มีผลตอบแทนที่คุ้มค่า
”จากการพูดคุยกับเอเยนซี พบว่าอสังหาฯที่มีมูลค่าไม่สูงมากโดยมีราคาเฉลี่ยประมาณ3ล้านบาท ลงทุนจีนจะไม่กังวลมากนักเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขายโดยส่วนใหญ่สามารถสื่อสารติดต่อกันผ่านทางด้านออนไลน์ตั้งแต่ขั้น ตอนการจองซื้อเยี่ยมชมโครงการรวมไปถึงการเซ็นสัญญาซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์ สาเหตุที่นักลงทุนจีนดัดสินใจซื้อง่าย โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุน เนื่องจากมองว่าการ ลงทุนในอสังหาฯ ก็เสมือนการซื้อหุ้นซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งบริหารเอง แต่ต้องมีข้อมูลรายงานความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด มีความชัดเจนในเรื่องของผลตอบแทนว่าอยู่ในระดับใด หรือต้องใช้ระยะเวลากี่ปีในการทำกำไรสูงกว่าราคาที่ซื้อมา”
ส่วนกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองนั้นเป็นอีกกลุ่มที่มีการออกไปซื้ออสังหาฯ ในต่างประเทศไว้เพื่ออยู่อาศัยเนื่องจากในประเทศจีนรัฐบาลผูกขาดทุกอย่าง ดังนั้น ถ้าคนจีนในกลุ่มนี้จึงมักซื้อที่อยู่อาศัยในต่างประเทศไว้อยู่อาศัยเองโดยราคาที่ซื้อส่วนไหญ่จะมีราคามากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีซาวจีนส่วนใหญ่ที่สนใจซื้อ อยู่อาศัยในประเทศไทยโดยเฉพาะในเกาะภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่พัทยา ทำให้อสังหาฯไทย ยังมีโอกาสในการขยายตลาดในกลุ่มของคนจีนมาก
ขณะที่ราคาขายที่อยู่อาศัยในประเทศจีนมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้ประชาชนระดับกลาง เข้าถึงที่อยู่อาศัยในประเทศได้ยากขึ้น ซึ่งส่งผลดีกับตลาดอสังหาฯในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะประเทศไทย เพราะมีราคาขายที่ไม่สูง เพราะจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากจีนเข้ามาได้มากขึ้น
สำหรับเป้าหมายของการนำเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศของประชาชนจีน โดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯ ในกลุ่มประเทศเอเชีย ประเทศไทยติดหนึ่งในห้าของประเทศที่มีการนำเงินมาลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของจีน ขณะที่ในกลุ่มประเทศตะวันออกเฉียงใต้นักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยมีมากกว่า 52% สำหรับกลุ่มชาวจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในอสังหาฯไทยนั่นอันดับต้นฯ กลุ่มชาวจีนที่อาศัยอยู่ในมณฑลปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา เฉิงตู ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเทียร์ที่ 1 ส่วนที่อยู่ในเทียร์2 คือ เซิ่นเจิน ซีอาน
โดยกลุ่มคนจีนในมณฑลดังกล่าวถือว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและเป็นโอกาสของอสังหาฯไทย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 คลี่คลายลงโดยเฉพาะ หากในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ภูเก็ตสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ ตามแผนเดิมจึงเป็นโอกาสที่ดีกับอสังหาฯในภูเก็ต
ทั้งนี้หากแบ่งกลุ่มของผู้ซื้อชาวจีนที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทยนั่น สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 2.5 ล้านบาทมีประมาณ 27% ผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 18% กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 5-10 ล้านบาท มีสัดส่วน 12% กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 10-25 ล้าน บาทมีสัดส่วน 9% กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 25-50 ล้านบาทมีสัดส่วน 7% และ กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 50 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วน 27% โดยเฉพาะในช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ประเทศจีนเปิดประเทศแล้วอสังหาฯ ไทยจะทำอย่างไรที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้
สำหรับพฤติกรรมของผู้ลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยซึ่งเป็นชาวต่างชาติแต่ไม่ใช่คนจีนจะมีพฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์หลังจากนั้น หากเกิดสนใจที่จะซื้อหรือสนใจซับในโครงการไหนจะมีการค้นข้อมูลลึกลงไปจาก google และหากต้องการข้อมูลลึกกว่านั้นก็จะค้นข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้พัฒนาโครงการจากนั้นจะมีการคุ้นข้อมูลจากการรีวิวโครงการจนถึงสุดท้ายหากต้องการที่จะจองซื้อจะติดต่อไปถึงฝ่ายขายของเว็บไซต์ของบริษัทผู้พัฒนาโครงการเอง
ในขณะที่พฤติกรรมความสนใจและการค้นข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มนักลงทุนชาวจีนจะมีความแตกต่างกันออกไป เนื่องจากคนจีนจะไม่ใช้ Instagram, Facebook, google นั้น ทำให้นักลงทุนจีน ส่วนใหญ่จะทราบข้อมูลที่อยู่อาศัยจากอีคอมเมิร์ชแพลตฟอร์มและเข้าไป ค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ไปตู้ วีแชต และคีย์ โอเพนเนี่ยนลีดเดอร์ ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดี๋ยอีกช่องทางหนึ่งที่มากระตุ้นช่วยให้เกิดการขายได้มากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่ต้องการจะเจาะตลาดจีนต้องทำการตลาดและสื่อสารกับคุณลูกค้าชาวจีนผ่านช่องทางดังกล่าวให้มากขึ้น และการปิดการขายอสังหาฯกับกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนจะไปจบที่แพลตฟอร์มซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเอเยนซีต่างๆ
สำหรับแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ที่คนจีนนิยมใช้คือ anjuke.com, weChat, iQiyi,ไปู้, tiktok,YOUKU ซึ่งเป็นเสมือน YouTube แบบฟอร์มต่างๆ เทล่านี้เป็นช่องทางที่ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น แนวทางที่จะขยายตลาดไปสู่ประเทศจีนได้ทางเว็บไซต์ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ แนะนำว่าให้ผู้ประกอบการต้องติดต่อ
กับเอเยนซี่ให้ได้ก่อน จากนั้นจึงเริ่มสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มคนจีนให้มากขึ้น เพื่อให้ชื่อของบริษัทปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มต่างๆ ของจีน ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือกับเอเจ้นท์ในฝั่งของประเทศจีนเพื่อสร้างการเข้าถึงและทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้าชาวจีน ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่ตลาดจีนได้สะดวกขึ้น ซึ่งรูปแบบการดำเนินการเช่นนี้สามารถทำได้ในช่วง เวลาปกติแม้ไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เป็นที่ทราบกันดีว่าภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่รัฐบาลมีแผนจะเปิดรับนักท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งเป็นโครงการที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน โดยมีกำหนดการเริ่มในวันที่ 1 ก.ค.64 ก่อนที่ประเทศไทยจะกลับมาเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้ประชากรในภูเก็ตมีการฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 70%
อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลอยู่ว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นจะเป็นความหวังกู้ในแง่ดีหรือร้าย ทั้งนี้ในกลุ่มของผู้ประกอบการอสังหาฯและการท่องเที่ยวภูเก็ต มีการหารือกันมีจุดที่น่าสนใจ2 ประเด็นคือ 1. โนปัจจุบันที่การท่องเที่ยวภูเก็ตยังสามารถดำเนินการได้เพราะยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ามาในภูเก็ต แต่เมื่อถึงกำหนดวันที่ 1 ก.ค. ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้นั้น จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยลดลงหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าแม้จะมีการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ตามที่กำหนดแล้ว แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะป้องกันการติดเชื่อได้ทั้งหมด 100%
ประเด็นที่ 2 คือ เมื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตามที่มีการคาดทวังหูรือไม่ เพราะต่างประเทศยังคงมองว่า ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระดับสูง ดังนั้น จึงยังไม่มั่นใจได้ว่าหลังการเปิดปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในภูเก็ตแล้วจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากน้อยเท่าไหร่ขณะเดียวกันสายการบินต่างๆ ก็ยังไม่มีความพร้อมที่จะบินมาจอดที่ภูเก็ตทุกสายการบิน ในขณะที่เอเยนซีเองก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาได้มากแค่ไหน ทั้งนี้ หากเกิดกรณีที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้น้อยประกอบกับนักท่องเที่ยวไทย เดินทางเข้ามาลดลงผลที่จะตามมาคือ ภูเก็ตจะต้องประสบปัญหาหนักกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่
-ต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูเก็ตหลักๆ คือ จีน อินเดีย รัสเชีย ซึ่งในปัจจุบันนี้อินเดียมีการระบาดหนักมาก ขณะที่จีนก็ยังไม่เปิดประเทศเดินทางเข้าไทยได้ รัสเซียเองก็ยังไม่เปิดประเทศ ดังนั้น ทั้งสามประเทศนี้ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในระยะแรกจะยังไม่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต แต่อย่างไรก็ตามการเปิดภูเก็ตถือเป็นโครงการนำร่องที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องยอมให้มีการเปิดภูเก็ตใช้เป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะเดียวกันในช่วงสามเดือนแรกนี้ผู้ประกอบการเองก็หวังว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัส โควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้นและการฉีดวัคซีนมากกว่า 70% นั้นจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ตามที่เราหวังไว้ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น”
นายกอสังหาฯภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯภูเก็ต ขณะนี้แย่มาก ยอดขายตลาดรวมอยู่ระดับ 10% ของช่วงตลาดปกติ ถือว่าดีมากแล้ว สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัยที่เหลือขายในตลาดขณะนี้คือทาวน์เฮ้าส์ซึ่งมีจำนวนเยอะมาก ขณะที่ยอดขายออกน้อยมากปัญหาหลักของตลาดภูเก็ตคือรายได้ของประชาชนในพื้นที่ต่ำมากเนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเมื่อเกิดภาวะการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจต่างๆ หยุดชะงักสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเรียกว่าแทบ ไม่ปล่อยสินเชื่อเลย
เมื่อสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยการแข่งขันในตลาดก็สูงขึ้น ผู้ประกอบการอสังหาฯ แย่งลูกค้ากันดุเดือดมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ผู้ประกอบการบางรายใช้กลยุทธ์การเข้าหาลูกค้าที่มีศักยภาพในการขอสินเชื่อ โดยเสนอเงื่อนไขและราคาที่ดีกว่าทำเลที่ดีกว่าคู่แข่งเพื่อแย่งลูกค้าทันที สำหรับกลยุทธ์หลักๆ ที่ผู้ประกอบการนำมาใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ กลยุทธ์อยู่ฟรี 1-2 ปี เพื่อให้ผู้ซื้อไม่ต้องแบกภาระการผ่อนส่งค่างวดในช่วง 1-2 ปีแรก และหวังว่าในปีที่ 3 ถัด ไปลูกค้าจะมีความสามารถในการผ่อนส่งหลังสถานการณ์ เศรษฐกิจและการระบาดของ โควิด-19 คลีคลาย
ส่วนผู้ประกอบการที่มีสต้อกบ้านสร้างเสร็จอยู่ในมือต้องพิจารณาเป็นกรณีไป เช่น กลุ่มบ้านในตลาดระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไปยังสามารถทำยอดขายได้เนื่องจากลูกค้ามองว่าในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะส่งผลให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้นถือเป็นช่วงสุดท้ายของการลดราคา ดังนั้น จึงมีการตัดสินใจซื้อในบ้านกลุ่มนี้มากขึ้น นบ้านกลุ่มนี้มากขึ้น ดังนั้นกลุ่มตนที่มี ดังนั้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ จึงมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะกับการซื้อมากที่สุด
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา