รฟท.เปิดประมูลสถานีหนองคาย
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาสถานีหนองคาย โดยระบุว่า ภายหลังการเปิดการให้บริการรถไฟลาว-จีน พบว่า สถิติการส่งออกสินค้าผ่านชายแดน หนองคาย มีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ โดยในเดือน ธ.ค.2564 มีปริมาณการขนส่งสินค้า 304,119 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 116,552 ตัน ด้านมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 6.91 พันล้านบาท จากปีก่อน 4.64 พันล้านบาท
ทั้งนี้ร.ฟ.ท.จะผลักดันระบบ ขนส่งทางรางเพื่อรองรับความต้องการ ขนส่งสินค้าที่มีเพิ่มขึ้น จึงเปิดให้เอกชนเสนอราคาเช่าพื้นที่บางส่วนในย่านสถานีหนองคาย เพื่อใช้ประโยชน์ตามศักยภาพของพื้นที่ในการทำโรงพักสินค้า เป็นการชั่วคราว มีกำหนด 3 ปี โดยแบ่งพื้นที่ ออกเป็น 4 แปลง รวมประมาณ 80 ไร่ ซึ่งจะเปิดให้เอกชนเสนอราคาแต่ละแปลงแยกจากกัน
โดยขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้ออกประกาศขาย ซองเสนอราคาตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.-18 ก.พ.นี้ และมีกำหนดชี้แจงรายละเอียดแก่ ผู้ประสงค์จะยื่นข้อเสนอราคาในวันที่ 4 มี.ค.2565 ก่อนจะกำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 14 มี.ค.2565 ซึ่งผู้เสนอราคาแต่ละรายสามารถเลือก เสนอราคาแปลงใดแปลงหนึ่ง ได้เพียง 1 แปลงเท่านั้น และผู้ที่เสนอราคาสูงสุดจะเป็นผู้ได้รับสิทธิการเช่า
”ก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ได้เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอราคาเช่าพื้นที่ดังกล่าวไปแล้วในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า มีเอกชนมาซื้อซอง 2 ราย แต่เมื่อถึงกำหนดยื่นข้อเสนอกลับไม่มีเอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอราคา น่าจะเพราะโควิด-19 และ ปริมาณการขนส่งสินค้าอาจจะยังไม่คุ้มทุน”
ขณะที่การออกประกาศเชิญชวนเอกชนยื่นข้อเสนอในครั้งนี้ ร.ฟ.ท.มั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากปัจจัย ในเรื่องของปริมาณการขนส่งสินค้า ชายแดนหนองคาย หลังรถไฟลาว-จีน
ในส่วนของข้อกำหนดการเสนอ ราคาค่าเช่าพื้นที่ ร.ฟ.ท.ได้กำหนดอัตราค่าเช่าขั้นต่ำแต่ละแปลงเดือนละ 415,600 บาท ไม่รวมค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นหากประเมินอัตราผลตอบแทน ขั้นต่ำที่ ร.ฟ.ท.จะได้รับจากการเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่สถานีหนองคายรวม 4 แปลง 80 ไร่นั้น จะอยู่ที่ราวเดือนละ 1.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นไม่ต่ำกว่า 56 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 3 ปี
ทั้งนี้แผนพัฒนาสถานีหนองคาย ถือเป็นการพัฒนาในระยะเร่งด่วน เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จากปัจจุบัน ร.ฟ.ท. เปิดให้บริการขบวนรถไฟขนส่งสินค้า ช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง(สปป.ลาว) โดยจะมีการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ตรวจ ปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดหลังเปิดให้เอกชนเช่าบริหารจัดการ 4 แปลงแล้ว ยังเหลืออีก 1 แปลงที่จะใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
