แอสเซทไวส์ แบ่งเฟสคอนโดลดเสี่ยง
”แอสเซทไวส์” พลิกกลยุทธ์ หั่นคอนโด โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง เป็น 2 เฟส ลดเสี่ยงโควิด รีดีไซน์ตอบโจทย์ นิวนอร์มอล
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามแผนการเปิดคอนโดมิเนียม โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง จะเป็นอาคารขนาดใหญ่ มีจำนวน1,800 ยูนิตแต่หลังจากเกิดวิกฤติโควิด ได้ปรับแผนด้วยการแบ่งเฟสในการขายออกเป็น 2 เฟสเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายเร็วขึ้น
โดยอาคารแรกจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2566 ความสูง 30 ชั้น แบ่งเป็นที่พักอาศัย 546 ยูนิต และไลฟ์สไตล์ รีเทล 9 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,790 ล้านบาท ส่วนอาคารหลังขยับ ไปเปิดในปี2567 ความสูง45 ชั้น มีจำนวน 1,154 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังปรับการออกแบบให้เหมาะกับวิถีชีวิตผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล ราคา เริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
“หลังจากเกิดโควิดโครงการได้ปรับเปลี่ยน การดีไซน์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งใน แง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลาง ที่มีขนาดใหญ่และกิจกรรมที่หลากหลาย ขณะเดียวกันให้พื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบใหม่ที่เป็นมัลติฟังชั่น รวมทั้งการมี เฮลธ์สเตชั่น ภายในโครการเพื่อสร้างความอุ่นใจกับผู้อยู่อาศัย โดยเชื่อมโยงการติดต่อผ่านแอพไปยังโรงพยาบาลพันธมิตร”
นายกรมเชษฐ์ ยังกล่าวว่า ครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 50% จากเป้าที่วางไว้ 3,500 ล้านบาท หลังจากปี2562 ยอดขาย 2,600 ล้านบาท ยอมรับว่า การดำเนินธุรกิจปีนี้ถือปีที่ท้าทาย และเป็นก้าวสำคัญของบริษัทหลังจากที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เรียบร้อย เมื่อ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งการเข้าระดมทุน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้บริษัท โดยยังคงเปิดตัวโครงการปีละ 4-6 โครงการสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อ เพื่อให้มียอดรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 90% มาจาก คอนโด ส่วนที่เหลือแนวราบ ในอนาคตบริษัทอาจจะขยายไปในแนวราบแต่ขึ้นอยู่กับที่ดินที่จะได้มาด้วยว่าเหมาะสำหรับการทำอสังหาฯในรูปแบบไหนที่ตอบโจทย์ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทำเลนั้น
“แม้ว่าช่วงนี้แนวราบจะขายดีมากในภาวะเกิดโควิด คนต้องการพื้นที่อยู่อาศัย ที่กว้างขึ้น แต่รอดูสถานการณ์ถัดไปใน ไตรมาส3 ไตรมาส4 ว่าตลาดบ้านยังขยายตัว ต่อไปหรือไม่ เพราะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงมีกำลังซื้ออยู่หรือไม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจหดตัว”
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ