อสังหาขานรับดอกเบี้ยขาลงORI-LPN-ANAN-SPALIเด่น

22 May 2020 590 0

          สู้โควิด - โบรกสแกนหุ้น อสังหารับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง มองกลุ่มตลาดล่าง-กลางได้ประโยชน์มากสุด ชู LPN-PSH-SPALI-AP-ORIANAN เด่น

          บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศ ไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ว่า คาดจะได้ผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยจะช่วยลดการผ่อนชำระของผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัย และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเรามองว่ากลุ่มบ้านในตลาดล่าง จะได้ประโยชน์มากกว่าเพราะมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่สูง ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN และบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นได้มากกว่ากลุ่ม

          และรองลงมาเป็นกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN

          ORI เด่นยอดโอนพุ่ง

          ทั้งนี้หุ้นที่ชอบ ได้แก่ ORI (ซื้อ/เป้า 5.50 บาท) เนื่องจากยังคงมีคอนโด ใหม่โอนต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดโอนในไตรมาส 2/2563 ยังทรงตัว จากไตรมาส 1/2563 และดีขึ้นในไตรมาส 3-4/2563 ขณะที่ Valuation ยังต่ำกว่ากลุ่มที่ PER ปี 2563 ที่ 5.6 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 8 เท่า

          บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุถึง ORI ว่า ประเมินผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2563 จะเด่นกว่าครึ่งปีแรก หลังมีแผนการโอนโครงการใหม่ที่จะแล้วเสร็จ 11 โครงการ โดยโครงการทั้งหมดมี Backlog ที่จะรับรู้ราว 10,000 ล้านบาท ในส่วนของยอดขายเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย

          ประกอบกับแผนการเปิด 12 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 16,700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ซึ่งยังมีกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้า Real Demand จะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายให้ถึงเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 21,500 ล้านบาท หลัง ไตรมาส 1/2563 บริษัทมียอดขายแล้ว 4,850 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของเป้าหมาย

          ปรับประมาณการรายได้ในปี 2563 ลง 20% เหลือ 10,956 ล้านบาท และในปี 2564 ลง 18% เหลือ 13,300 ล้านบาท หลังผลประกอบการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 มากกว่าที่คาด ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลง ทั้งนี้ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2563 เหลือ 2,604 ล้านบาท (ลดลง 22% จากเดิม) และปี 2563 เหลือ 3,039 ล้านบาท (ลดลง 19% จากเดิม)

          ชูเป้าหมาย 6.90 บาท

          ทั้งนี้ แม้ว่าจะปรับประมาณการกำไรสุทธิลง แต่จาก Backlog ที่บริษัทมี ซึ่ง Secure ยอดโอนทั้งหมดของเป้าที่ประมาณการไว้ (รวมโครงการ JVs) ทำให้เชื่อว่ากำไรสุทธิที่คาดไว้ที่ 2,604 ล้านบาท มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ประกอบกับแนวโน้มสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลาย และการปลดล็อก เฟส 2 ทำให้เราคาดว่ายอดขาย และยอดโอนจะฟื้นตัว

          นอกจากนี้เราเห็นศักยภาพในการปรับตัวให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบ เนื่องจากยังเป็น กลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ ทั้งนี้ ณ ราคาปัจจุบันมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานที่เราให้ไว้ที่ 6.90 บาท อิง PER 6.5 เท่า (เดิม 9.00 บาท) อยู่ 43% ทำให้แนะนำ “ซื้อ” และคาดอัตราเงินปันผลปี 2563 ที่ 0.42 บาท

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button