อสมท ผุดมิกซ์ยูส50ไร่สู้ดิสรัปต์ เตรียมเปิดTOR-ลงเสาเข็มปี 65
อสมท พร้อมรับมือวิกฤตดิสรัปชั่นสื่อทีวี เตรียมเปิดทีโออาร์หาผู้ร่วมพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ “โครงการมิกซ์ยูส” บนที่ดินผืนใหญ่ 50 ไร่ ย่านพระราม 9 CBD ใหม่กรุงเทพฯ หวังสร้างช่องทางรายได้ใหม่-ทดแทนรายได้โฆษณาทีวีที่หดตัวลงต่อเนื่อง คาดดำเนินการได้ปลายปีนี้ ลงเสาเข็มก่อสร้างได้ราวปี‘65 รับเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม เชื่อมการเดินทางฝั่งตะวันออก-ตะวันตก
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจสื่อเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีผู้ประกอบการในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งสื่อหลักและสื่อใหม่ ๆ การวางแผนธุรกิจ 3-5 ปีนั้นอาจจะไม่สอดรับกับสถานการณ์อีกต่อไป บวกกับอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีแนวโน้มทรงตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสื่อโดยรวม โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ผู้ประกอบการทุกสถานีประสบภาวะขาดทุนกันอย่างชัดเจน
นายเขมทัตต์กล่าวว่า ในส่วนของ อสมท นั้นก็อยู่ในภาวะขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2561 ขาดทุน 378.01 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุน 458.29 ล้านบาท และในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ขาดทุนกว่า 800 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมา อสมท ยังคงพึ่งพารายได้จากโฆษณาในสื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุเป็นหลัก
“ต้องยอมรับว่ารายได้หลักของเรายังคงมาจากช่องทางเดิม ๆ คือ จากโฆษณาทีวี และโฆษณาวิทยุ ซึ่งทุกช่องทางรายได้อยู่ในภาวะติดลบทั้งหมด ขณะที่ต้นทุนหลักของการดำเนินการค่อนข้างสูง โดยเฉพาะด้านบุคลากรและต้นทุนการผลิตคอนเทนต์ บวกกับไม่มีรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เข้ามาชดเชย ทำให้ตัวเลขการดำเนินงานออกมาขาดทุนต่อเนื่อง” นายเขมทัตต์กล่าวและว่า ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ อสมท ไม่สามารถขับเคลื่อนได้นั้นเป็นเรื่องระเบียบข้อบังคับทางกฎหมาย รวมถึงผู้บริหารบางส่วนที่ยังยึดติดกับแนวคิดการทำธุรกิจแบบเดิมอยู่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อสมท ได้ทบทวน แผนการพัฒนาที่ดินจำนวน 50 ไร่ ในย่านพระราม 9 (หลังศูนย์วัฒนธรรมฯ) ซึ่งถือเป็นทำเลใหม่ทางเศรษฐกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯ มาพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ตามแผนที่เคยวางไว้เมื่อหลายปีก่อน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการร่างข้อกำหนด ขอบเขตของ การจ้างงาน หรือทีโออาร์ (TOR : term of reference) จากนั้นจะเปิดให้ผู้สนใจได้ยื่นข้อเสนอในช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับสัมปทานเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วงประมาณปี 2565 รับการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม เชื่อมการเดินทางฝั่งตะวันออก-ตะวันตกที่จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งระบบประมาณปี 2569-2570
“วันนี้แลนด์สเคปธุรกิจสื่อเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จะหวังพึ่งรายได้จากโฆษณาช่องทางเดียวไม่ได้แล้ว การขยับตัวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ ๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้บริหารและพนักงานต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อนำพาองค์กรให้อยู่รอดต่อไป” นายเขมทัตต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า อสมท มีที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ บมจ.อสมท ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนสำคัญ ที่จะ สามารถสร้างรายได้ให้กับ บมจ.อสมท ในระยะยาว
โดยที่ดินที่มีศักยภาพในการลงทุนและมีมูลค่าสูง คือ ที่ดิน 50 ไร่ บริเวณถนนวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ในย่านธุรกิจใหม่ ติดกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม ทำให้สามารถสร้างจุดขายได้อย่างชัดเจน โดย บมจ.อสมท ได้ว่าจ้างสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาในการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ตามขั้นตอนภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556
อีกทั้งดำเนินการสำรวจความคิดเห็นและความสนใจของนักลงทุน (market sounding) รวมถึงการรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (public hearing) อันนำไปสู่แนวทางการพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน (mix-use development) โดยแบ่งทั้งหมดเป็น 3 โซน ได้แก่ โซน A ขนาดพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ โซน B ขนาดพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และโซน C ขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ โดยทำแผนบริหารจัดการ ดังนี้ โซน A และโซน B ดำเนินการคัดเลือกนักลงทุน โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินโครงการและเช่าที่ดิน บมจ.อสมท ส่วนโซน C จะพัฒนาร่วมกับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (สบร.) ในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ (National Knowtedge Center-NKC) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและสอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาคนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ