สุพัฒนพงษ์ ดันอู่ตะเภาฯ ร่วมขับเคลื่อนศก. OR-BAFSผุดGAAทุ่ม2.3พันล.บริการน้ำมัน
“สุพัฒนพงษ์” ปลื้มโปรเจกต์สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินกรุงเทพคืบหน้าอีกระดับ หวังเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนศก.ไทยหลังโควิด-19 คลี่คลาย “สกพอ.” ลุยลงนาม GAA เช่าที่ราชพัสดุ 19 ไร่เดินหน้าบริการ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานปอน ORBAFS ตั้ง บ.GAA ทุ่ม 2,300 ล้านบาทระยะแรกเพื่อพัฒนาเริ่มก่อสร้างสิ้นปีรับเปิดบริการสนามบินในปี‘68
วานนี้ (19 ส.ค.) กระทรวงการคลังโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ลงนามกับ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซ ซิเอทส์ จำกัด (GAA) กิจการร่วมค้าของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ลงนามเช่าที่ราชพัสดุจำนวน 19 ไร่ เพื่อประกอบกิจการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานให้กับโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินกรุงเทพ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีลงนามลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุผ่านระบบประชุมทางไกลดังกล่าว ว่า โครงการพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าซึ่งแม้ว่าทั่วโลกและไทยจะประสบกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนกระทบ ต่อโครงการไปบ้างโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับการบินแต่เชื่อว่าในระยะอีกไม่นานเนื่องจากได้มีการเร่งควบคุมการระบาดและมีวัคซีนในการเข้ามาดูแลป้องกัน รวมถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ ก็จะทำให้ธุรกิจการบิน จะกลับมาได้อย่างรวดเร็วรวมถึงการท่องเที่ยวซึ่งรัฐบาลพยายามนำร่องในบางพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้านหลังการควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ดีขึ้น
”โครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซีเวลานี้ได้คืบหน้าไปแล้วพอสมควรทั้งรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เมืองการบินภาคตะวันออก และต้องขับเคลื่อนให้สภาพแวดล้อมต่างๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องให้สำเร็จเพื่อประโยชน์การพัฒนาประเทศระยะยาวที่จะเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรม เดิมๆ ไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่จะเป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า การพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่ สกพอ. ร่วมมือกับกองทัพเรือเพื่อ ผลักดันให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาบนพื้นที่ 6,500 ไร่ ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ จึงได้คัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าร่วมพัฒนา ระบบสาธารณูปโภคในส่วนของงานบริการ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโดยเลือกให้ บ.”กิจการร่วมค้าบาฟส์และโออาร์” เป็นผู้ดำเนินงานเนื่องจากมีศักยภาพในระดับสากล
”การดึงเอกชนเข้าร่วมพัฒนา ครั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การดำเนินงานเพราะแหล่งเงินทุนของรัฐมีจำกัด โดยขณะนี้การทำงานมีความท้าทายจากผลกระทบโควิดทำให้ไทยต้องการเพิ่มการลงทุนที่สูงขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว โครงการเมืองการบินฯจึงเป็นหนึ่งโครงการสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะยาวโดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค” นายคณิศ กล่าว
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท BAFS กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัท GAA ร่วมกับ OR ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล การร่วมมือกับ BAFS ในการจัดตั้งกิจการร่วมค้า GAA ถือเป็น การเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการเติมน้ำมัน อากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด (GAA) กล่าวว่า GAA จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ด้วยมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดย BAFS ถือหุ้น 55% และ OR ถือหุ้น 45% สำหรับโครงการเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรกประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะจัดเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโดยจะเริ่มก่อสร้างได้ภาย ในปลายปีนี้เพื่อ ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปีและสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของ EEC ตามนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา