สายสีเหลือง พลิกโฉม บางกะปิ เมืองรีเทล ตึกสูง
แม้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าวสำโรงจะเปิดให้บริการล้าช้ากว่าแผนหรือประมาณกลางปี 2566 แต่ตลอดแนวเส้นทางถูกพลิกโฉมจากตึกแถวเป็นตึกสูง คอนโดมิเนียม ข้อดีของ ย่านบางกะปิ เป็น ทำเลยุทธศาตร์สำคัญโซนตะวันออกกรุงมหานคร ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ กำหนดเป็นศูนย์พาณิชยกรรมรองชุมชนชานเมือง เนื่องจากอนาคตอันใกล้ จะเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางระบบรางสำคัญมีรถไฟฟ้า 3 สาย มาบรรจบกัน บริเวณลำสาลี ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก และรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล จุดพลุให้เป็นทำเลมีขีดความสามารถต่อการพัฒนามากขึ้นผลักดันราคาที่ดินขยับสูง
บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ area วิเคราะห์ ทำเล โซนนี้ว่า แนวโน้มการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ย่านบางกะปิ-ลำสาลีก็คงเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมสูงหลายชั้นได้ และจะขายกันในราคาประมาณ 60,000 ถึง 80,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับโครงการคุณภาพเปิดขายในราคาที่สูงกว่านี้อนาคตและที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าในปี 2566 การพัฒนาศูนย์การค้าขนาดใหญ่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตเช่นกัน อย่างไรก็ตามในกรณีอาคารสำนักงานอาจยังไม่เหมาะสมเนื่องจากขาดไกลจากใจกลางเมือง
สอดคล้องกับการประกาศพลิกโฉม ย่านบางกะปิเป็นเมืองรีเทล รับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เมื่อไม่นานมานี้ของ นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ปจำกัด ที่ระบุว่า เดอะมอลล์ได้เจรจา กับพันธมิตรยักษ์ใหญ่กลุ่มไทยเบฟ ซึ่งมีธุรกิจคอมมูนิตี้ มาร์เก็ต “ตะวันนา บางกะปิ” และกลุ่มซีพีที่มีกิจการแม็คโคร และโลตัส ในอาณาเขตเชื่อมต่อกันทอดยาวรวมกว่า 100 ไร่ บนถนนลาดพร้าวนี้
เพื่อเชื่อมต่อเชื่อมอาคารธุรกิจการค้า ให้กลายเป็นอาณาจักรเมืองรีเทล และที่อยู่อาศัยครบวงจรภายใต้คอนเซปต์ มัลติ มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ ซึ่งได้มีการหารือมานานหลายปีและตอนนี้ภาพชัดขึ้นจากการเข้ามาของรถไฟฟ้า ดังนั้นภาพความร่วมมือจะชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ ทำเลบางกะปิแต่เดิมเรียกว่า “ลำสาหัส” เพราะการจราจรติดขัดมากแต่สถานการณ์กำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าและกลายเป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าทำให้เกิดการพัฒนาตามจุดเชื่อมรถไฟฟ้า หรือ transitoriented development นั่นเอง รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีส้มจะมาตัดกันบริเวณแยกลำสาลีนี่เอง
ตามถนนลาดพร้าวกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2566รถไฟฟ้าช่วงลาดพร้าว-สำโรง เป็นโครง การระบบขนส่งมวลชนรองในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก ตลอดจนถึงพื้นที่ส่วนเหนือของจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดำเนินการในรูปแบบรถไฟฟ้ายกระดับแบบรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล มีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีลาดพร้าว อันเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล จากนั้นไปทางทิศตะวันออกของกรุงเทพ มหานคร ก่อนมุ่งหน้าลงทิศใต้ตามแนวถนนศรีนครินทร์ แล้วเบนไปทางทิศตะวันตก ตามแนวถนนเทพารักษ์ สิ้นสุดเส้นทางที่สถานีสำโรง อันเป็นสถานีเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท ระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร
ส่วนบนถนนรามคำแหงก็กำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปี 2570 เป็นระบบรถไฟฟ้าที่มีทั้งโครงสร้างใต้ดิน และยกระดับ มีแนวเส้นทางที่รองรับการเดินทางภายในเขตเมืองตามแนวตะวันออกตะวันตกของกรุงเทพมหานคร เริ่มต้นจากบริเวณจุดตัดทางรถไฟสายสายธนบุรี (ทางรถไฟสายใต้เดิม) แล้วลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่ย่านเมืองเก่าย่านใจกลางเมืองก่อนออกไปยังชุมชนประชาสงเคราะห์และออกสู่ย่านชานเมืองถนนรามคำแหง มาสิ้นสุดเส้นทางที่ชานเมืองด้านทิศตะวันออกของกรุงเทพ มหานครบริเวณจุดตัดถนนรามคำแหงกับถนนสุวินทวงศ์
บริเวณใกล้เคียงคือเดอะมอลล์บางกะปิและศูนย์การค้าอื่นๆ ต้องกลายเป็นจุดเด่นในการพัฒนามีความเข้มข้นยิ่งขึ้นและเหมาะกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวสูงคืออาคารชุดนั่นเอง ยิ่งมีรถไฟฟ้าสองสายมาตัดกันในบริเวณนี้จึงเป็นการส่งเสริมศักยภาพของทำเลแยกบางกะปินี้มากยิ่งขึ้น
สำหรับราคาที่ดิน ณ สิ้นปี 2565 ตรงบริเวณตลาดบางกะปิเป็นเงินตารางวาละ 300,000 บาทถึง 350,000 บาทต่อตารางวาซึ่งก็พอๆกับบริเวณใกล้เดอะมอลล์บางกะปิ ส่วนบนถนนหน้ารามคำแหงเส้นที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงก็มีราคาประมาณ 300,000-350,000 บาทต่อตารางวาเพราะเป็นย่านที่มีชุมชนอยู่กันอย่างหนาแน่นโดยมีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นตัวเหนี่ยวนำ
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA) บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า ย่านบางกะปิจะเป็นทำเลเหมาะเป็นรีเทลเพราะเดิมมีการรวมตัวอยู่ก่อนแล้วเพียงแต่มีรถไฟฟ้าผ่านเข้ามาทำให้ห้างค้าปลีกต่างปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดึงดูดคนเข้าพื้นที่มากขึ้น
ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 บาทต่อตารางวา ขณะด้านในประมาณ 250,000 บาทต่อตารางวา อย่างไรก็ตามบางกะปิมีที่ดินแปลงว่างที่น่าจับตาคือแฮปปี้แลนด์ที่สามารถพัฒนาคอนโดมิเนียมได้และเป็นทำเลตั้งอยู่กลางชุมชนขนาดใหญ่
”ย่านบางกะปิจะเป็นทำเลเหมาะเป็นรีเทลเพราะเดิมมีการรวมตัวอยู่ก่อนแล้วเพียงแต่มีรถไฟฟ้าผ่านเข้ามาทำให้มีการปรับปรุง”
Reference: หนังสือพิมพ์ฺฐานเศรษฐกิจ