มาตรการดูดต่างชาติ อานิสงส์ฟื้นอสังหาฯไทย
“3 โบรกเกอร์ลูกค้าต่างชาติ วิพากษ์ ‘มาตรการดึงชาวต่างชาติ ศักยภาพสูง’ อยู่ไทย ดูดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาท มาถูกทางแนะเร่งแก้กฎหมายอสังหาฯ ร่วม ฟื้นดีมานด์บ้านหลัง 2 - ปลุกตลาดหรูสัญญาเช่ากลางกรุงขณะ ดีดีพร็อพฯ เผยจีนแก้กฎหมายคนรวย รอเลยอานิสงส์กระจายเม็ดเงิน”
อัตราการฉีดวัคซีนของไทยและประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ที่เพิ่มขึ้นระดับเอื้อให้เกิดการเดินทางระหว่างประเทศสะดวกขึ้น นอกจากส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย จากคาดการณ์นักท่องเที่ยวเข้ามาได้อย่างต่ำ 6.3 ล้านคนในปีนี้ (บทวิเคราะห์ EIC) ยังปูทางให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย อาจมีโอกาสกลับมาคึกคักอีกครั้ง ผ่านการเพิ่มกำลังซื้อต่างชาติ ในแง่การลงทุน-เช่า และซื้ออสังหาฯ ไทยอีกด้วย
ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (14 ก.ย.) เห็นชอบการกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุน โดยอาศัยใช้การท่องเที่ยว และ ‘การดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง’ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง, กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ, กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ลักษณะผู้พำนักระยะยาว (longterm stay) เป็นตัวนำ เป้าหมายสร้างเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาท เพิ่มต่างชาติพักอาศัยในไทย 1 ล้านคน (ระยะ 5 ปี)
ซึ่งรายละเอียด พ่วงมาด้วยการลงทุนอสังหาฯ ตั้งแต่ 2.5 แสนดอลลาร์ ถึง 5 แสนดอลลาร์ แลกวีซ่าระยะยาว ขณะกลุ่มคนทำงานระดับสูง กลายเป็นเป้าหมาย ซื้อ - เช่า อสังหาฯ อยู่ไทยระยะยาว อีกทั้งรัฐบาล อยู่ระหว่างพิจารณาแก้กฎหมายการถือครองอสังหาฯ และที่ดินเพิ่มเติม ยิ่งเข้าใกล้ความจริง ที่ก่อนหน้า 3 สมาคมอสังหาฯเรียกร้องมาโดยตลอด หลังจากกำลังซื้อภายในประเทศติดหล่ม จากผลกระทบเศรษฐกิจ
โบรกเกอร์ใหญ่แนะเร่งแก้ กม.
นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ ประเทศไทย จำกัด โบรกเกอร์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย วิพากษ์ความเป็นไปได้ของ ‘มาตรการดึงดูดชาวต่างชาติ มติครม.’ ล่าสุดว่า การเพิ่มขึ้นของแรงงานระดับสูง ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ครอบคลุม นักธุรกิจ นักการทูต กลุ่มผู้ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ และ ดิจิตอล อีโคโนมี จากการโยกย้ายเข้ามาทำงานในประเทศ เป็นอีกหนึ่งดีมานด์อนาคตที่น่าจับตามอง และจะมีผลให้อสังหาฯไทยฟื้นตัวได้
ขณะที่ผ่านมา กทม. เป็นเมืองเป้าหมายการพำนักระยะยาว จากค่าครองชีพไม่สูง เมื่อเทียบเมืองอื่นๆ ของโลก ปลุกกระแส ‘ซีเนียร์ลิฟวิ่ง’ และที่พักอาศัยกลุ่ม Branded Residence หรือ คอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักชัวรี กลางกรุงเทพฯ ขณะนี้เองมีราคาถูกลง จากผลกระทบโควิด จึงคาดเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะสนใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติ ให้ความสำคัญสุด คือ ความพร้อมของประเทศไทยในแง่สาธารณสุข ฉะนั้น ระยะสั้น การบริหารจัดการให้ประชากรในพื้นที่สีแดง ได้รับวัคซีนเพียงพอ ก่อให้เกิดความปลอดภัยเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา ทั้งนี้ เห็นด้วยให้เร่งแก้กฎหมายเกี่ยวข้องกับการถือครองที่อยู่อาศัยในทุกมิติ เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมให้ต่างชาติประจักษ์
”มาตรการล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับวีซ่าระยะยาวคล้ายลอนดอน ช่วยตัดข้อจำกัดความยุ่งยาก ที่ก่อนหน้าต่างชาติต้องต่อวีซ่าทุก 3 เดือน / 1 ปี ขณะนี้เป็นโอกาส จากเศรษฐกิจโลกผันผวน ต่างชาติกระจายการลงทุน ซึ่งบ้านเรา อสังหาฯ ราคาดึงดูดกว่า ฮ่องกง สิงคโปร์ และให้ผลตอบแทนระยะยาวสูงกว่า กลุ่ม Branded Residence ฟรีโฮลด์ กลางเมือง กำลังเป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มลิสต์โฮลด์ หากขยายการให้สิทธิเช่าเป็น 90 ปี อยู่ได้ 2 เจเนอเรชั่น จะเพิ่มดีมานด์ได้อีกมาก เช่นเดียวกับ การเปิดช่องให้ซื้อบ้านได้ จะทำให้ต่างชาติแห่เข้ามาในไทย’
จีนแก้ กม.- โกลเด้นวีค โอกาสเหมาะ
ด้านเว็บไซต์ เช่า-ซื้ออสังหาฯ เบอร์ต้นของไทย ‘ดีดีพร็อพเพอร์ตี้’ โดยนางสาวกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ระบุว่า ขณะนี้กำลังซื้อต่างชาติเริ่มทยอยฟื้นตัว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของอสังหาฯไทยมาตลอดหลายปี
ทั้งนี้ พบตลอด 8 เดือน ที่ผ่านมา ชาวต่างชาติเข้ามาค้นหาที่อยู่ฯในไทยเพิ่มขึ้นถึง 31% รอเพียงโอกาสเดินทางเข้ามาในประเทศ ขณะการสำรวจ พบประเทศไทย ขึ้นแท่นเมืองเป้าหมายการลงทุน อันดับ 2 ของชาวจีน รองจากญี่ปุ่นเท่านั้น ทั้งต้องการเข้ามาซื้อเพื่อลงทุน สร้างผลตอบแทนปล่อยเช่าสูง 5%, ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 (ส่งบุตรหลานเข้ามาเรียน) และชื่นชอบวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของไทย ซึ่งหากมาตรการดังกล่าว มาพร้อมกับความปลอดภัยด้านสาธารณสุข และผู้ประกอบการ สร้างความเชื่อมั่นในโครงการได้ ยิ่งเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ โดยเฉพาะ ช่วงหลังไทยเปิดประเทศ (ต.ค.) ซึ่งตรงกับเทศกาลสำคัญของประเทศจีน วันชาติ Golden week (1-7 ต.ค.) อีกทั้งล่าสุด จีนเพิ่งออกกฎหมายฉบับใหม่ เตรียมบังคับให้ผู้มีทรัพยสินจำนวนมาก บริจาคให้ผู้ยากไร้ คาดอสังหาฯไทยจะได้รับอานิสงค์
”ตลาดแรกที่จะกลับมาคือ จีน เพราะเป็นประเทศเดียวที่มี GDP โตในช่วงโควิด ประชากร 1.4 พันล้านคน ฐานคนร่ำรวยขยายขึ้น อีกทั้ง ล่าสุด รัฐบาลจีน ประกาศ บังคับแบ่งเงินธุรกิจโต - คนรวย บริจาคให้คนยากจน คาดจะทำให้คนเหล่านั้นหาทางกระจายทรัพย์สินออกนอกประเทศ เพื่อเลี่ยงการบริจาคและเสียภาษี เป็นจังหวะที่ไทยมีมาตรการดึงดูด ตอบโจทย์พอดี คงได้อานิสงค์ไม่น้อย”
หนุนขายผ่านคริปโตฯ
ขณะนายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ รองผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ระบุว่า หากมองในแง่นักลงทุนต่างชาติ ‘ตลาดที่อยู่อาศัย’ ยังคงเป็นกลุ่มที่มาจาก เอเชียแปซิฟิก เป็นหลัก โดยเฉพาะ จีนและญี่ปุ่น ขณะช่องทางการซื้อ-ขาย ที่หลากหลายขึ้น อย่าง การเปิดรับ เงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) นับเป็นแรงเสริม เปิดตลาดใหม่ๆ ให้กับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติได้ เนื่องจากมีนักลงทุนจำนวนมาก ไม่นิยมสะสมเงินสด แต่ลงทุนในสินทรัพย์ลักษณะนี้แทน การโปรโมตช่องทางขายใหม่ๆ อาจทำให้ได้นักลงทุนต่างชาติกลุ่มใหม่ เข้ามาฟื้นอสังหาฯไทยได้เช่นกัน
”ตลาดแรกที่จะกลับมาคือ จีน เพราะเป็นประเทศเดียวที่มี GDP โตในช่วงโควิด”
Reference: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ