ภาพัฒน์ จ่อร่วมทุนพันธมิตรผุดมิกซ์ยูสปั้นแบรนด์ใหม่เจาะแนวราบทำเลพัฒนาการ
”ภาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ” เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปลายปี 63 เริ่มฟื้นตัว แนะผู้บริโภครีบตัดสินใจซื้อ ก่อนแห่ปรับราคาในปีหน้า พร้อมเปิดเกมรุก จ่อผุดโครงการแนวราบเพิ่มปี 64 เจาะเรียลดีมานด์ย่านพัฒนาการ มูลค่า 500 ล้านบาท เผยเตรียม ร่วมทุนกับพันธมิตร เพิ่มพอร์ตโครงการมิกซ์ยูส คอนโดมิเนียม บนทำเลศักยภาพย่านซีบีดีแห่งใหม่ ล่าสุดเปิดตัวทาวน์โฮม แบรนด์ “โช” ลูกค้าขานรับดี
นายภาคย์ธนา ปรีดาวิภาต กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ภาพัฒน์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2563 ว่า เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวและมีทิศทางดีขึ้น กำลังซื้อที่เคยชะลอตัว ก็กลับมาตัดสินใจได้เร็วขึ้น เพราะในช่วงนี้ผู้ประกอบการมีการจัดแคมเปญ โดยนำที่อยู่อาศัย มาจัดรายการส่งเสริมการขาย ลดราคากันมาก ทำให้ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น และคาดว่าในปี 2564 ราคาขายที่อยู่อาศัยจะต้องมีการปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 5-10% แน่นอน
สำหรับในส่วนของบริษัทฯหลังจากผ่านวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา มองว่าได้รับผลกระทบน้อย เพราะพัฒนาแต่โครงการแนวราบ และความต้องการ (ดีมานด์) ในโครงการแนวราบมีมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าต้องการพื้นที่ใช้สอยในการอยู่อาศัยมากขึ้น ดังนั้น ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 จะรุกการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินใหม่ 1 แปลง ย่านพัฒนาการตัดใหม่ พื้นที่ 8 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะพัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮาส์ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล ซึ่งจะเป็นการตั้งแบรนด์ใหม่ขึ้นมา
สาเหตุที่เลือกพัฒนาโครงการในย่าน ดังกล่าว เพราะมองว่าการแข่งขันโครงการแนวราบยังไม่รุนแรงมากนัก ซัปพลายส่วนใหญ่ในโซนดังกล่าว จะพัฒนาในระดับราคาประมาณ 9-16 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่บริษัทฯพัฒนา คงดำเนินการในระดับราคาเดียวกับคู่แข่ง แต่มีความมั่นใจในข้อมูลการตลาดที่ศึกษามาดีพอสมควร และคุณภาพสินค้าสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในย่านเดียวกันได้ ซึ่งจะเป็นทางเลือกและตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแน่นอน
”หากเลยจากทองหล่อและเอกมัยแล้ว ทำเลที่น่าสนใจลำดับถัดมาก็คือพัฒนาการตัดใหม่ ถือเป็นที่ดินผืนสุดท้ายในย่านพัฒนาการต้นๆ ที่มีศักยภาพ และมีดีมานด์ในระดับหนึ่ง หากสามารถมีสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ก็สามารถทำตลาดได้ดี”
ขณะเดียวกัน ในอนาคตยังสนใจที่จะพัฒนาโครงการแนวสูงในย่านซีบีดีแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ จำนวนประมาณ 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้ว ขนาดตั้งแต่ 5-10 ไร่ ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ ทั้งจีนและเกาหลี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนจะสรุปรายละเอียดที่ชัดเจนกับกลุ่มพันธมิตรคนไทยภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเดินหน้าโครงการร่วมทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวสูง บนถนนพระรามที่ ๓ ภายในปี 64 ซึ่งจะมีความโดดเด่นเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา คาดมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “โช” (SHO) ไปเมื่อวันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยพัฒนาการ 32 บนพื้นที่ 2 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 4.5 ชั้น ขนาด 32-43 ตารางวา ราคา 22.5-25 ล้านบาท จำนวน 22 ยูนิต มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท ขณะนี้มียอดพรีเซลประมาณ 2 ยูนิต และมีลูกค้าสนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการอีกมากกว่า 50 ราย
ส่วนโครงการ “ชิเซน” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยพัฒนาการ 32 บนพื้นที่ 8 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่ง ขนาด 21-30 ตารางวา ราคา 7.8-8.5 ล้านบาท จำนวน 57 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 70%
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา