'ต่างชาติ' หนีสงครามแห่ปักหลักไทย
บ้าน-คอนโดคึก'พม่า'ซื้อเพิ่มเท่าตัว
ที่ดินนิคมบูม'จีน-ไต้หวัน'เล็งหมื่นไร่
ประเทศไทยเนื้อหอม ต่างชาติหนีสงคราม แห่ย้ายฐานตั้งโรงงาน ทุ่มซื้อบ้าน คอนโด ย่านไพรม์แอเรียเป็นบ้านหลังที่ 2 ทำเล กทม. เชียงใหม่ ภูเก็ตคึก 'จีน-ไต้หวัน'ไม่แผ่ว 'เมียนมา'มาแรง ช้อปเพิ่มเท่าตัว ที่ดินนิคมดีมานด์พุ่งหมื่นไร่
นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายโควต้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ ยังคงมีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มประเทศยุโรปอย่างรัสเซีย ยูเครน และเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน และเมียนมาที่เริ่มเข้ามามากขึ้น เนื่องจากต้องการหนีการเกณฑ์ทหาร แต่ชาวจีนยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ หลังมีมาตรการวีซ่าฟรี ทำให้เริ่มกลับมาคึกคักขึ้น แม้ว่าภายในประเทศจีนเอง ยังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม
“ต่างชาติที่เข้ามา ส่วนใหญ่หาซื้อที่อยู่อาศัยนอกประเทศ สำหรับเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าและเป็นบ้านหลังที่สอง ซึ่งประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ต่างชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้า และเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ดูได้จากที่บริษัททำการขายให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ที่เริ่มคึกคักและเริ่มสอบถามหาซื้อคอนโดในรูปแบบเหมาตึกหรือเป็น 100-150 ยูนิตมากขึ้น รวมถึงโรงแรมด้วย เพราะมองว่าการท่องเที่ยวเริ่มฟ้นตัวจึงอยากจะซื้อเพื่อลงทุน เพราะผลตอบแทนปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในกรุงเทพฯอยู่ที่ 4-6% เชียงใหม่ 8-11% และภูเก็ต 8-9%” นายไซม่อนกล่าว
นายไซม่อนกล่าวว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ลูกค้าต่างชาติที่สนใจซื้อ จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและเป็นแบรนด์ใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ไต้หวัน ล่าสุดมีเมียนมาที่ซื้อในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 1 เท่าตัว เมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มซื้อระดับราคา 1-5 ล้านบาท และกลุ่มซื้อระดับราคา 20-50 ล้านบาท จะซื้อในทำเลแนวรถไฟฟ้า เช่น ย่านสุขุมวิท บางนา พระราม 9 ส่วนชาวไต้หวันซื้อในระดับราคา 3-10 ล้านบาท ด้านชาวจีนเป็นระดับราคา 5-50 ล้านบาท และซื้อเพนต์เฮาส์ราคา 100-200 ล้านบาท
นายไซม่อน กล่าวว่า ขณะที่กลุ่มยุโรปและยุโรปตะวันออกกลาง เช่น รัสเซีย ยูเครน บัลแกเรีย ส่วนใหญ่หนีสงครามมา นิยมซื้อ อสังหาฯที่ภูเก็ต มี 2 รูปแบบ คือ ซื้อคอนโดมิเนียมราคา 1-5 ล้านบาท และซื้อบ้านวิลล่า เป็นการซื้อแบบทรัพย์อิงสิทธิหรือเช่าซื้อระยะยาว ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป โดยทำเลนิยมอยู่ย่านบางเทาและเมืองภูเก็ต สำหรับเชียงใหม่ จะเป็นชาวจีนและไต้หวัน ซื้อในราคา 1-3 ล้านบาท สำหรับคอนโดมิเนียม และราคา 3-10 ล้านบาท สำหรับบ้านแนวราบ อย่างไรก็ตามใน 3 จังหวัดตลาดภูเก็ตมีแนวโน้มเติบโตมากสุด เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวและราคายังไม่แพงมาก ปัจจุบันคอนโดอยู่ที่ 2-5 ล้านบาท ส่วนบ้านวิลล่าอยู่ที่ 20-50 ล้านบาท
”อีกตลาดกำลังบูมมาก คือ ธุรกิจอสังหาฯ ในนิคมอุตสาหกรรม ล่าสุดมีนักลงทุนจีนและไต้หวัน ต้องการพื้นที่ 8,000-10,000 ไร่ ตั้งโรงงานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไทย แต่ซัพพลายในตลาดมีไม่พอ” นายไซม่อนกล่าว
Reference: หนังสือพิมพ์มติชน