ดีเวลลอปเปอร์เร่งเครื่องลงทุน ชู ESG ขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน
บิ๊กคอร์ป “เสนาฯ-แสนสิริ-ซีพีแลนด์ -ซิซซา” เดินหน้าลงทุน ควบคู่แผนพัฒนาธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนรับเมกะเทรนด์ใหญ่ ดึง เฮลท์แคร์ โซลาร์เซลล์ ธุรกิจคาร์บอน ต่อยอดปั้นโครงการ ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต ย้ำธุรกิจต้องคิดใหม่ทำใหม่ บนโลกแห่งความท้าทาย พร้อมดันไทยศูนย์กลาง อสังหาฯ แห่งภูมิภาค
เวที “Property Focus : Big Change to Future โอกาสและความท้าทาย” ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ร่วมฉายภาพ “เมกะเทรนด์ 2023”
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง เทรนด์ ESG ผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องใส่ใจ ระบุว่า บริษัทได้วางแผนขับเคลื่อนองค์กรเพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนในระยะยาว หรือ ESG โดยมุ่งไปสู่การเป็น ไลฟ์สไตล์ ดีคาร์บอนไนเซชั่น (Lifestyle Decarbonization) ที่จะมีการขยายธุรกิจใหม่อีก 5 ธุรกิจทั้งการดำเนินงาน ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจเวลเนส ธุรกิจพลังงานโซลาร์ ธุรกิจคาร์บอน พร้อมเตรียมงบลงทุนในธุรกิจใหม่ประมาณ 9,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาได้มุ่งลงทุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมในโซลาร์ รูฟท็อปอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมพัฒนาบ้านที่มีการใช้พลังงานเป็นศูนย์ และตอบโจทย์กับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่อยากได้บ้านร่วมประหยัดพลังงานและช่วยลดค่าครองชีพ พร้อมสอดรับกับเทรนด์ในโลกที่มุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้อยู่อาศัยและเป็นผลดีต่อทุกคน รวมถึงการร่วมลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ทุกคน ทั้งหมดจะช่วยทำให้การดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมสร้างผลประกอบการที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
”ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ ต้องคิดใหม่ ไม่จำเป็นต้องคิดขายแค่บ้าน ต้องร่วมคิดเป็นโซลูชันที่โลกต้องการ การเป็นปัญหาที่โลกต้องการคำตอบ จึงนำไปสู่ธุรกิจใหม่ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจเวลเนส ธุรกิจพลังงานโซลาร์ เป็นต้น จึงเข้ามาร่วมแก้ปัญหาให้แก่ลูกค้าที่ต้องการหาบริษัทมาตอบโจทย์ในด้านนี้ รวมถึงทำให้บริษัทสามารถสร้างผลประกอบการและกำไรเติบโตต่อเนื่อง”
แสนสิริเปิดแบรนด์ใหม่ตอบทุกไลฟ์สไตล์
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มคลี่คลายและตลาดท่องเที่ยวที่กลับมาแล้ว ทำให้บริษัทจะเดินหน้า ขยายโครงการใหม่ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม ซึ่งจะแบ่งตามซีรีส์ของแบรนด์ ให้สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ในแต่ละกลุ่ม
ขณะเดียวกันจะมีการขยายทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ คาดว่าภายในสิ้น ปีจะสร้างยอดขายได้อยู่ที่ 5.50 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติคาดว่าจะอยู่ที่ 1.20 หมื่นล้านบาท จากปีก่อน ที่มียอดขาย 7,800 ล้านบาท
พร้อมเร่งเคลื่อนธุรกิจตามแผนระยะยาว ใน 3 ปีข้างหน้า ที่จะเปิดโครงการใหม่รวมมูลค่า 1.50 แสนล้านบาทสำหรับในช่วงโควิด ที่ผ่านมาได้มีการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับกลุ่มลูกค้า ทั้งการเปิดให้ลูกค้าสามารถผ่อนดาวน์ได้ 24 เดือน พร้อมมีการปรับมาขยายแบรนด์บ้านในราคาที่ไม่สูง รวมถึงการเพิ่มกิจกรรมให้แก่ลูกค้าที่เลือกใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ทำให้สามารถสร้างการเติบโตและเพิ่มสภาพคล่องได้ต่อเนื่อง
ซีพีแลนด์เร่งสร้างเทรนด์ใหม่
นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ซี.พี.แลนด์ พร้อมเร่งขยายธุรกิจอสังหาฯ นับจากนี้ไป หลังจากในช่วงโควิด ที่ผ่านมาได้มีการปรับแผนธุรกิจและเตรียมองค์กรมาโดยตลอด โดยการขยายธุรกิจจะมีทั้งกลุ่มอสังหาฯ โรงแรม ค้าปลีก และออฟฟิศ ทั้งการลงทุนเอง หรืออาจใช้แนวทางเข้าไปซื้อธุรกิจ
ขณะที่เทรนด์ในการพัฒนาพื้นที่รีเทลนับจากนี้ จะเป็นโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นตลาดหลักในอสังหาฯ์นับจากนี้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องนำเสนอคอนเทนต์ใหม่ๆ และมีเรื่องราวที่ชวนให้เข้าไปใช้ชีวิต ซึ่งซี.พี.แลนด์พร้อมเร่งผลักดันโครงการลงทุนในรูปแบบนี้ เพื่อร่วมสร้างเทรนด์ใหม่ ตามเป้าหมายสำคัญที่อยากให้ไทยเป็นผู้นำในโลกและสร้างเทรนด์ในตลาดอสังหาฯ
”ความท้าทายในตลาดกำลังซื้อถูกเปลี่ยนไปอยู่ในเจนใหม่ จึงต้องการคอนเทนต์ ให้ตรงกับเจนใหม่ เราอยากเป็นผู้นำในด้านนี้ พร้อมร่วมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอสังหาฯ และซีพีแลนด์ที่เป็นผู้นำในโลก”
ลงทุนอสังหาฯ ภูเก็ตคึกขุมทรัพย์ต่างชาติ
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ท่องเที่ยวที่มีการขยายตัว โดยในจังหวัดภูเก็ตกลายเป็นจุดหมาย ปลายทางของนักท่องเที่ยวรัสเซีย ที่ให้ความสนใจเข้ามาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในไทย หลังจากการเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน พร้อมยังได้รับผลดีจากตลาดใหม่ที่เข้ามาทั้งตะวันออกกลางและอินเดีย รวมถึงมีตลาดจีนที่กลับเข้ามาในประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้จากแนวโน้มตลาดท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง จึงทำให้การลงทุนอสังหาฯ ในภูเก็ตมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งการซื้อเพื่อ อยู่อาศัยและการซื้อเพื่อการลงทุน ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่จะให้ความสนใจเลือกซื้อทั้งโครงการ โดยในปัจจุบันบริษัท มีโครงการที่ได้ดำเนินการในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายทั้งโรงแรม โครงการเพื่อสุขภาพ หรือ เวลเนส เป็นต้น
”บทเรียนของบริษัทจากในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำให้ต้องมีการวางแผนสำรองไว้หลายแผน เพื่อสามารถปรับตัวได้ทันท่วงที พร้อมกับมีการวางแผนบริหารสภาพคล่องให้ดีที่สุด จากในช่วงโควิดบริษัทมีการทำตลาด ทั้งจัดโปรโมชันห้องพักและมีการแจก บัตรกำนัลให้แก่ลูกค้า เพื่อสร้างสภาพคล่องกลับเข้ามาในองค์กรอย่างต่อเนื่อง”
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ