ซีอีโอฝ่าวิกฤต COVID Strom
โดยสำนักวิจัยอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 3 ค่ายเทน้ำหนัก ว่า ปี 2563 ธุรกิจ ที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเป็นเส้นกราฟขาลง และไม่ใช่ลงแบบซอฟต์แลนดิ้งอีกต่างหาก
เริ่มจาก “ดร.โสภณ พรโชคชัย” ประธานกรรมการ AREA-เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินว่า ปี 2563 ดูอาการจากช่วง 2 เดือนแรกของปี (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2563) แล้วพยากรณ์ทั้งปีคาดว่าภาพรวมตลาดน่าจะติดลบ 15-20% เป็นการมองขั้วกลับด้าน จากเดิมที่มีการประเมินไว้เมื่อช่วงปลายปี 2562 ว่าธุรกิจอสังหาฯปี 2563 น่าจะกลับมาบวกได้ 5-10%
สำหรับคนชอบตัวเลข หากคำนวณคาดการณ์เดิมว่าตลาดโต 5% แต่เจอ โควิด-19 พ่นพิษใส่จนระบมไปทั้งแผ่นดินแล้วคาดการณ์ใหม่มีตัวเลข -15% นั่นหมายความว่า ปีนี้ตลาดผันผวนหนักถึง 20% เป็นอย่างต่ำ
ถัดมา ”ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการ REIC-ศูนย์ข้อมูล อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ณ ปี 2562 หน่วยเหลือขายทั่วประเทศรวมกันเพิ่ม 10% อยู่ที่ 3 แสนหน่วย บนสถานการณ์โครงการเปิดใหม่ลดลง -20% เพราะเจอผลกระทบจาก LTV
มีหน่วยเหลือขายสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 6.8 หมื่นหน่วย แบ่งเป็นคอนโดฯเพียง 3 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้นไม่น่าตกใจแค่ 2% แต่ไปเพิ่มความตกใจให้กับสินค้าแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์) ที่เพิ่มถึง 21% ที่ 3.8 หมื่นหน่วย
คาดการณ์เต็มปีของ REIC มองว่ามีโอกาสที่ปี 2563 ภาคอสังหาฯจะถดถอยกลับไปในยุค 5 ปีก่อนหน้า โดยประเมินว่าโควิดจะทำให้หน่วยโอนลดลง -11% ถึง -17% ที่ 3.12-3.33 แสนหน่วย มูลค่าลดลง -13.8% ถึง -17.1% คิดเป็นมูลค่าโอน 7.26-7.55 แสนล้านบาท
เป็นการพยากรณ์บนตัวช่วยจากมาตรการรัฐยกเว้นค่าโอน-จำนองจาก ล้านละ 3% เหลือ 0.01% หรือจากล้านละ 30,000 บาท เหลือล้านละ 300 บาท สำหรับที่อยู่อาศัยเพดานราคา 3 ล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุ 24 ธันวาคม 2563 ไว้เรียบร้อยแล้ว
อีกราย “ภัทรชัย ทวีวงศ์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ไตรมาส 1/63 มีคอนโดฯเปิดใหม่แค่ 16 โครงการ 5,880 หน่วย ต่ำสุดในรอบ 8 ปี หรือ 32 ไตรมาส
ส่วนอัตราขายหรือยอดขายถลำลึกยิ่งกว่า โดยมีอัตราขายเฉลี่ย 31% เท่านั้น ต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือถอยหลังกลับไป 40 ไตรมาส
อย่างไรก็ตาม The show must go on เพราะกาลเวลาเพิ่งผ่านพ้นเพียง 1 ไตรมาส หรือเพียง 3 เดือนเท่านั้น
ชีวิตจริงของดีเวลอปเปอร์ปี 2563 ยังมีเวลาเหลืออีกถึง 9 เดือนที่จะต้องฝ่าด่านสารพัดปัจจัยลบ
น่าสนใจว่าปีนี้ยังมีทีเด็ดอะไรอีกบ้าง...นอกเหนือจากท่องคาถาอึด อึด และอึด#save ดีเวลอปเปอร์ #ประเทศไทยต้องชนะ
บุ๊กกิงออนไลน์ Ananda iStore
โควิด-19 ทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น คนส่วนใหญ่เลือกอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปไหน รวมถึงลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ในภาวะสถานการณ์ตอนนี้
อนันดาฯปรับแผนรับมือโดยเปิดช่องทางการขายผ่านออนไลน์บุ๊กกิ้ง “Ananda iStore” ให้ลูกค้าช็อปซื้อได้ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อผลักดันยอดขายในช่วงนี้
สินค้าพร้อมอยู่ของอนันดาฯ มั่นใจว่าตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม ทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้แบรนด์หลักแบ่งเป็นสินค้าคอนโดฯ แอชตัน, ไอดีโอ คิว, ไอดีโอ โมบิ, ไอดีโอ, เอลลิโอ,เวนิโอ และยูนิโอ
สินค้าแนวราบโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์แบรนด์อาร์เทล, แอริ, เอโทล และยูนิโอ ทาวน์
ทั้งนี้ ทั้งนั้น Ananda iStoe เรานำเสนอผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ประกอบด้วย 1.ANANDA ONLINE BOOKING เป็นการย้าย sales gallery มาไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จองง่ายมากไม่กี่ขั้นตอน ลงทะเบียน เลือกโครงการ เลือกแปลงห้อง จอง ยืนยันและชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิตทุกธนาคาร
2.FACEBOOK ANANDA DEVELOPMENT การเปิด FACEBOOK SHOP ที่พร้อมตอบทุกแชตผ่าน FACEBOOK MESSENGER
3.LINE OA “CHAT & SHOP” เปิดช่องทางใหม่แบบ exclusive กับแชต 1 ต่อ 1 พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัว สอบถามและพูดคุยตรงกับเซลส์ได้ทุกโครงการ
และเตรียมพบ LINE MY SHOP ช็อปผ่าน LINE OA ทุกช่องทาง 24 ชม. ครั้งแรกเร็ว ๆ นี้
สำหรับโปรโมชั่นที่เราลอนช์ในไตรมาส 2/63 เพิ่มเป็นเพื่อนกับอนันดาฯ รับข้อเสนอพิเศษจองเริ่มต้น 999 บาท, ส่วนลดสูงสุด 3.9 ล้านบาท เป็นต้น
ในส่วนของสำนักงานขายยังเปิดให้เข้าชมโครงการได้ตามปกติ พร้อมมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ลูกค้าและพนักงานอนันดาฯมั่นใจว่าปลอดภัยและสะอาดทุกกระเบียดนิ้ว
SENA ZERO COVID
สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกและมีอัตราการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ณ ขณะนี้ ทางเสนาฯ ได้มีการติดตามและเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ที่ผ่านมาร่วมกับบริษัท วิคตอรี่ แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด บริษัทลูกบริหารงานนิติบุคคล มีการวางแผนรับมือสถานการณ์โควิด-19 เพื่อป้องกันและควบคุมวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ภายใต้มาตรการ “SENA ZERO COVID” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าทางการเงินและสร้างความปลอดภัย
SENA ZERO COVID เราโฟกัสดูแล 3 กลุ่มลูกค้าคือ ลูกค้าจอง-ลูกค้าใหม่-ลูกบ้าน”ลูกค้าจอง” ไม่ใช่เพิ่งเริ่มจอง แต่เป็นลูกค้าอยู่ระหว่างผ่อนดาวน์ใกล้จะโอน สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลายคนประสบปัญหา แตกต่างกันออกไป เสนาฯเข้าใจพร้อมช่วยเหลือและเตรียมการซัพพอร์ตลูกค้าในทุกกรณี สามารถติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่ของแต่ละโครงการ
”ลูกค้าใหม่” สำหรับผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อโครงการของเสนาฯในช่วงนี้ เราพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าและแบ่งเบาภาระทางการเงินด้วยการจัด personalizes promotion ดูแลลูกค้าทุกรูปแบบตลอดช่วงสถานการณ์โควิด-19
พร้อมเพิ่มช่องทางการตลาดจองผ่าน online ทุกช่องทาง ไม่ว่าเป็น line, live, streaming และ online booking มอบ special promotion รับส่วนลด on top สูงสุด 1 แสน และ “ลูกบ้าน” ที่ผ่านมาบริษัท วิคตอรี่ฯได้มีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ลูกบ้าน และพนักงานตามโครงการอย่างใกล้ชิด มีการแจกหน้ากากอนามัย ติดตั้งจุดวางเจลล้างมือ ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด และทุกจุดรอบโครงการ เช่น ประตูเข้า-ออก, ปุ่มกดลิฟต์, อุปกรณ์ออกกำลังกาย, ทางเดินส่วนกลาง และการตรวจวัดอุณหภูมิทุกคนที่เข้ามาในโครงการ
รวมถึงทำป้ายตารางทำความสะอาดในจุดสำคัญต่าง ๆ โดยระบุว่า “ตารางทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ”นอกจากนี้ มาตรการดูแลในกรณีที่ลูกบ้านอยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ต้องกักตัว 14 วัน) เรามีบริการ “SENA ZERO COVID SERVICE” อำนวยความสะดวกช่วยลูกบ้านซื้อของและคอยสอบถามหากต้องการความช่วยเหลือในระหว่างกักตัว และ “SENA ZERO COVID HOTLINE” สายด่วนพาลูกบ้านไปโรงพยาบาลในกรณีที่มีไข้หรือสงสัยว่ามีความเสี่ยง เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในบริษัท เสนาฯมีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ BCPbusiness continuity plan เพื่อกำกับดูแลและติดตามสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ให้พนักงานได้รับทราบเป็นข้อมูล พร้อมเฝ้าระวังและติดตามสอบถามอาการของพนักงานที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะเวลาที่กำหนด และแจ้งข้อมูลการเจ็บป่วยและช่วยเหลือพนักงานที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
รวมถึงประสานกับกลุ่มงานที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ สถานที่ที่บริษัทกำหนด”เราจะสู้ไปด้วยกัน จนกว่าจะเป็นซีโร่โควิด”
RML ชูโมเดลซือคอนโดฯลงทุน
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว และตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นถึงระยะกลาง RML มีการปรับกลยุทธ์รับมือผลกระทบโควิด-19 ด้วยการเน้นทำการตลาดเชิงรุกสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจหลัก ตอบรับสถานการณ์ในปัจจุบัน
บิสซิเนสโมเดลยังยืนยันบริษัทออกโปรดักต์สำหรับการลงทุนในคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่า จุดแข็งเรามีคอนโดมิเนียมบนทำเล ใจกลางเมือง อาทิ เดอะ ลอฟท์ อโศก, เดอะ ดิโพลแมท 39, เดอะ ดิโพลแมท สาทร บริหารงานโดย Klapsons The River Residences Bangkok และบริษัท อสังหา เรียลตี้ บริษัทย่อยของ RML คาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
การปรับตัวตามสถานการณ์เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลไทย RML วางแผนส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ O2O-online to offline เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับชมโครงการทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจเข้าชมโครงการจริง เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อและเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ช่องทางออนไลน์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็นช่องทางที่สามารถสร้างความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายโครงการได้เพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ปีนี้บริษัทวางแผนเปิดคอนโดมิเนียม 1 โครงการบนถนนสุขุมวิทซอย 38 เป็นโครงการร่วมทุนโครงการที่สามกับพันธมิตรโตเกียว ทาเทโมโนะ ประเทศญี่ปุ่น
ด้านธุรกิจ recurring income ซึ่งเรามีธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เต็ม ๆ จึงเลื่อนเปิดตัวโรงแรม HOTEL KITCH จากเดิมวางแผนเปิดตัวในเดือนเมษายน 2563 ต้องขยับไปเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 แทน
โมเดลลงทุน HOTEL KITCH เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่และบริหารโรงแรมด้วยตนเอง มีเพียง 72 ห้องพัก ควบคู่กับวางแผนเปิดตัวโรงแรมใหม่อีก 1 แห่งขนาด 300 ห้องในย่านสุขุมวิท เน้นคอนเซ็ปต์ทันสมัย เทคโนโลยีเน้น ๆ
ส่วนธุรกิจ F&B-อาหารและเครื่องดื่ม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนในการวางกลยุทธ์ใหม่ของร้านอาหารบ้านหญิง และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจรายใหม่ ๆ ด้วย
ในด้านตัวเลขขอพูดถึงสักเล็กน้อย RML มีแบ็กล็อกหรือยอดขายรอโอน ณ สิ้นปี 2562 มูลค่ารวม 8,010 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป
แผนธุรกิจปีนี้จะมียอดโอนส่วนใหญ่มาจากโครงการ The Lofts Silom ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% ลูกค้าสามารถโอนได้ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นไป
RML ยังยืนยันเดินหน้าลงทุนและโฟกัสกลยุทธ์การตลาดในการสร้างแบรนด์เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รอจังหวะโควิดสงบเราพร้อมเดินหน้าการลงทุนได้ทันที
ศุภาลัยยืดดาวน์ 3-6 เดือน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ศุภาลัยจึงเร่งออกมาตรการพักชำระค่างวดผ่อนดาวน์ 3 เดือน (3 งวด) สำหรับลูกค้าในสายอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด อาทิ ลูกค้าที่มีอาชีพในกลุ่มสายการบิน โรงแรม ฯลฯ
เงื่อนไขลูกค้าที่ขอรับสิทธิจะต้องอยู่ในระหว่างการผ่อนชำระเงินดาวน์กับบริษัท ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ในโครงการ ศุภาลัยทั่วประเทศ
ทั้งนี้ทั้งนั้น จำนวนเงินที่ยืดเวลาผ่อนดาวน์ 3 งวดดังกล่าวจะนำไปรวมชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์จะรับสิทธิพักชำระค่างวดสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2563 ที่ www.supalai.com/covid19support หรือที่สำนักงานขายโครงการ หรือติดต่อสายด่วน โทร.1720
นอกเหนือจากมาตรการพักชำระค่าดาวน์ 3 เดือน ศุภาลัยยังได้เตรียมความพร้อม โดยจัดทำแผนสำรองสำหรับวิกฤตการณ์ทุกระดับ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง
และกำหนดมาตรการความปลอดภัยด้านชีวอนามัยอย่างเข้มงวด ทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ และ site งานศุภาลัยทั่วประเทศ อาทิ การกำหนดมาตรการทำความสะอาดพื้นที่ภายในอาคารด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ติดตั้งเจลล้างมือ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจของลูกค้า รวมทั้งผู้มาติดต่อกับบริษัท
ชาวศุภาลัยมีความห่วงใยสังคม และตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกโครงการและประชาชน จึงขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
แอสเซทไวส์ทาแผนคอนเซอร์เวทีฟตังแต่ต้นปี
แผนธุรกิจตอนนี้ก็มุ่งเน้นกับคอนโดฯที่พร้อมอยู่ เราก็มีคอนโดฯที่เสร็จแล้วอีกหลายตัวก็กำลังจะเริ่มเสร็จส่วนสินค้าใหม่วางแผนไว้ 3-4 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ถ้าโควิด-19 จบก็คงจะเปิด ดูสถานการณ์ก่อน ระหว่างนี้ก็ทำสำนักงานขาย เตรียมการตลาดไว้ รอว่าโควิด-19 จะหายเมื่อไร
เท่าที่คิดไว้ถ้ากลับมาเปิดตัวโครงการใหม่ได้ภายในไตรมาส 3/63 ก็น่าจะเปิดสัก 2-3 โครงการได้ แต่ถ้าสถานการณ์โครงการใหม่เปิดตัวได้ในไตรมาส 4/63 ก็อาจจะเปิดตัวใหม่เหลือ 1-2 โครงการ หลัก ๆ คิดก่อนจะมีโควิด เฉลี่ยเราเปิดไตรมาสละ 1 โครงการ มูลค่าตั้งแต่ 500-2,000 ล้าน
ตามแผนเดิม 4 โครงการใหม่มี 1 แนวราบเป็นบูติคทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ “ปุริ ปุริ” ราคา 5-10 ล้าน กับ 3 คอนโดฯ แบรนด์ซีรีส์โมดิซหมดเลย ซึ่งตั้งแต่ปีที่แล้วห้องชุดราคาบวกลบ 2 ล้านขายดีมาก เฉลี่ยทำโครงการละ 300-800 ยูนิต กำลังดี
ก่อนมีโควิดเราตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้าน เป้ารับรู้รายได้ 3,500 ล้าน จบไปแล้ว 1 ไตรมาสเรายังมองใกล้เคียง เดิมอยู่ เพราะเป้ารับรู้รายได้ 3,500 ล้าน ในขณะที่รวมของเก่าของใหม่สร้างแล้วเสร็จมี 4,600 ล้าน ฉะนั้น จึงถือ เป็นเป้าที่คอนเซอร์เวทีฟแล้ว
อย่าลืมว่าก่อนมีโควิดอสังหาฯเจอสถานการณ์ LTV-loan to value ปีนี้เราจึงตั้งเป้าคอนเซอร์เวทีฟตั้งแต่ต้นปี
พอมาเจอโควิด-19 ก็เหมือนกับแอสเซทไวส์ไม่ได้ตั้งเป้าสูงอยู่แล้ว ผมมองว่าผลกระทบโควิดต้องอีก 1-2 เดือนมาอัพเดตกันอีกทีหนึ่ง เพราะตอนนี้ก็ยังคิดว่ามันอาจจะจบใน Q2 และ Q3-Q4 ก็กลับมาโอนได้
กลยุทธ์เราเน้นเจาะลูกค้า 3 กลุ่มหลัก หนึ่งในนั้นมีแคมปัสคอนโด แม้จะมีโควิดแต่สำนักงานขายก็ยังมีคนไปจองซื้อทุกอาทิตย์ ขณะเดียวกัน คนเขากลัวโรคติดต่อไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนมาไหน ทำให้ลูกค้าวอล์กอินน้อยลง เราก็ปรับไปขายออนไลน์แทน มีการปิดยอดขายออนไลน์ทดแทน สถิติลูกค้าออนไลน์เพิ่ม 30%
ลูกค้าไม่ว่าจะมาทางช่องทางไหนเราจะมีกลุ่ม Line add ให้ส่งข้อมูลหรือสอบถามข้อมูลจากเซลส์ แล้วก็ปรับใช้
กลยุทธ์ทางออนไลน์รวมไปถึงตอนจะโอนด้วย ตอนนี้เรามีระบบ fin plus สามารถที่จะส่งแอปพลิเคชั่นในการรับรู้เงินกู้ เอกสารต่าง ๆ ทางออนไลน์ไม่ต้องมายื่นที่ไซต์โครงการ เราส่งให้ธนาคารและแอปพรูฟทางออนไลน์ได้เลยช่องทางออฟไลน์ตอนนี้เราเปิดอยู่ สำนักงานขาย ห้องตัวอย่างไม่ได้ปิด แต่เน้นดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอุณหภูมิและแอลกอฮอล์ มีเรื่องความสะอาดความปลอดภัยที่ดูแลวันสุดท้ายของไตรมาส 1/63 ยอดขายเราแม้ไม่ตรงตามเป้าแต่ก็ไม่ได้ตกเป้ามากมาย 10% กว่าเท่านั้น เราทำได้ 86% จากเป้า ในขณะที่มีแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) 7,400 ล้านบาท
ที่ผ่านมาคนตกใจและคิดว่าโควิด-19 จะเป็นผลกระทบระยะสั้น แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าน่าจะเป็นระยะยาวหน่อย ก็มีการปรับแผนว่าถ้ามันยาว 6 เดือนจะเป็นอย่างไร 9 เดือนจะเป็นอย่างไร เราวางแผนกันแบบนั้น
สถาพรแจกประกันภัยโควิด-19
บริษัทตระหนักถึงความปลอดภัยลูกค้าในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย และเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายภาครัฐเรื่อง social distancing จึงได้ใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านการขายออนไลน์ทุกช่องทาง
โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจโครงการสามารถติดต่อซื้อขาย ผ่านทาง VDO call วิธีการนัดหมายออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะให้บริการเป็นประจำทุกวัน
ขณะเดียวกันในส่วนของการรับชมโครงการ ลูกค้าสามารถชมโครงการโดยไม่ต้องมาวิสิตไซต์ด้วยตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้เพื่อร่วมสร้างความมั่นใจในสุขภาพให้กับลูกค้าในช่วงภาวะการระบาด เราได้เพิ่มความพิเศษให้กับลูกค้า มีเพียงเงื่อนไขจองซื้อภายใน 30 เมษายนนี้จะได้รับ ประกันภัยไวรัสโควิด-19 ทันที
นอกจากนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่าไตรมาส 1/63 มีการแข่งขันระบายสต๊อกทั้งของใหม่ของเก่าอย่างรุนแรง และเป็นเทรนด์หลักการแข่งขันในไตรมาส 2/63 ด้วย ในส่วนของสถาพร เอสเตทเราจัดโปรโมชั่นเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อให้รีบตัดสินใจ
เรามีโครงการไฮไลต์คอนโดมิเนียม “เดอะ เชดด์ สาทร 1” จุดขายเราสามารถตั้งราคาถูกกว่าราคาตลาดด้วยราคา เริ่มต้น 1.3 แสนบาท/ตารางเมตรเท่านั้น ทำเลโดดเด่นมาก เพราะอยู่ในซอยสาทร 1
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นออนท็อป รับส่วนลดสูงสุดอีก 3 แสน แถมไลฟ์สไตล์แก็ดเจตสุดอินเทรนด์ (Apple Gadgets) มูลค่าสูงสุด 80,000 บาท
สถาพรเรามีความเชี่ยวชาญสินค้าแนวราบ ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ “อิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล” ลูกค้าทำสัญญา 0 บาท อยู่ฟรี 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สิงห์รณรงค์แยกขยะหน้ากากอนามัยใช้แล้ว
แม้จะเป็นเพียงมุมเล็ก ๆ แต่เราก็ให้ความสำคัญ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 มีหลากหลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาขยะ สิงห์ เอสเตท ในฐานะบริษัทที่ให้ความสำคัญและรณรงค์เกี่ยวกับการจัดการขยะมาอย่างต่อเนื่อง มีความห่วงใยเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดปัญหาขยะจำนวนมากที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา
จึงอยากขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรณรงค์การปรับพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดวิกฤตขยะติดเชื้อในอนาคต โดยสิงห์ เอสเตท ได้นำร่อง จัดตั้งถังขยะอันตรายสำหรับทิ้งหน้ากากอนามัย บริเวณทางเข้าออกทุกชั้นของสำนักงานใหญ่ อาคารซันทาวเวอร์ส และมีแผนตั้งถังขยะอันตรายที่อาคารสำนักงานทุกแห่งของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีการอบรมพนักงานแม่บ้านในการแยกถุงขยะและทำสัญลักษณ์ขยะติดเชื้อให้ชัดเจน ก่อนนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่เก็บขยะของทาง กทม. เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทคำนึงว่าในภาวะการเกิดโรคระบาดเช่นนี้ ขยะติดเชื้อ เป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังในการทิ้งให้ถูกที่ เพราะเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (surgical mask) และกระดาษชำระ อยู่ในกลุ่มขยะที่มีโอกาสติดเชื้อสูง
ดังนั้นควรพับตัวหน้ากากที่มีฝอยละอองไว้ด้านในและต้องมีการแยกทิ้งในถังขยะเฉพาะ คือถังขยะติดเชื้อ โดยถุงขยะที่ใส่ควรเป็นถุงใสเพื่อให้เห็นขยะภายในชัดเจน ถ้าเป็นถุงทึบหรือถุงดำควรมีการเขียนให้ชัดเจนว่าขยะติดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะ
สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่มีการกำจัดที่ถูกต้อง นอกจากจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นแล้ว ขยะเหล่านี้อาจหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมและจบลงที่ท้องทะเล และเป็นภัยต่อธรรมชาติ
นอกจากขยะติดเชื้อแล้ว การใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกคนช่วงนี้ สามารถสร้างขยะจำนวนมากได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการลดการสร้างขยะใหม่ด้วยการเลือกซื้อเลือกใช้ของที่จะกลายมาเป็นขยะใหม่ให้น้อยที่สุด
แต่หากจำเป็นก็ควรเลือกทิ้งให้ถูกประเภท เพื่อที่จะง่ายต่อการนำไปเข้ากระบวนการกำจัดขยะที่ถูกต้อง รวมไปถึงขยะบางประเภทที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ก็จะเป็นการลดจำนวนขยะที่ต้องกำจัดทิ้งไปได้
เพอร์เฟคทา Pop up Store 20 โปรเจ็กต์
ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่ในบ้านเพื่อลดการแพร่กระจายของโรค เรามี “เพอร์เฟค แฟมิลี่ คลับ” อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในโครงการของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงโครงการ
โดยจัดสรรพื้นที่ภายในอาคารสโมสรและพื้นที่ส่วนกลางใน 20 โครงการ เป็นจุดจำหน่ายสินค้าเคลื่อนที่หรือ pop up store และจุดรับสินค้าสั่งซื้อ ล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ลดความหนาแน่นในการไปจับจ่ายในห้างสรรพสินค้า และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ด้วยสินค้าราคาพิเศษ ดำเนินการโดย “ออลล์ดี” ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกราคาประหยัด
รูปแบบออลล์ดี เราคัดสินค้าคุณภาพในกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร น้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูปและปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ซักผ้า สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 เช่น เจลล้างมือและสินค้าอื่น ๆ รวมกว่า 100 รายการ มาจำหน่ายในราคาพิเศษ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถกระจายการเข้าถึงสินค้าจำเป็น จึงมีจำนวนจำกัดต่อวัน และมีสินค้ามาสลับสับเปลี่ยนให้ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อ
นอกเหนือจากร้านค้าเคลื่อนที่ใน 20 โครงการแล้ว เพอร์เฟควางแผนเพิ่มจุดรับสินค้าในโครงการอื่น ๆ โดยให้สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ แล้วเลือกรับสินค้าที่จุดรับสินค้าในโครงการต่าง ๆ ใกล้บ้านได้ โดยไม่มีค่าจัดส่ง
ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดร้านค้าและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ www.alldshop.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ