จับตา'คอนโด'ส่งสัญญาณฟื้น
บุษกร ภู่แส
กรุงเทพธุรกิจ
แห่เปิดตัว2ปี4หมื่นยูนิต 1.2 แสนล้าน
หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ประเทศปลายปี 2564 หนุนบรรยากาศใช้จ่าย ภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง หลายโครงการคอนโดมิเนียมเริ่ม “เปิดขายใหม่” ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ตลาดกลับมาคึกคักทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน ชะอำ
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดในกรุงเทพฯครึ่งแรก ปี 2565 กลับมาเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่าง คึกคัก หลายโครงการสามารถปิดการขายในส่วนของโควตากำลังซื้อต่างชาติได้เป็นจำนวนมากในหลายทำเล จากลูกค้าต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และลูกค้าต่างชาติ ที่มาเยี่ยมชมโครงการและมีการเหมาซื้อยูนิตขายออกไปเพื่อการลงทุน
“กำลังซื้อต่างชาติเริ่มกลับสู่ตลาดในทุกพื้นที่ราว 60% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าจากยุโรป อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย และกลุ่มประเทศเอเชีย อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน เห็นได้ชัดช่วงเดือน พ.ค. หลังที่ประชุม ศบค.เห็นชอบยกเลิก Test & Go สำหรับเดินทางเข้าไทย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น สอดคล้องภาพกำลังซื้อต่างชาติกับอสังหาฯ ในประเทศไทยได้ชัดเจน”
ทั้งนี้ อุปทานคอนโดเปิดขายใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 6 เดือนแรกปีนี้ ตลาดเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง ทั้งในส่วนของเปิดขายใหม่ (ซัพพลาย) และในฝั่งของผู้ซื้อ (ดีมานด์) พบว่ามีคอนโดเปิดขายใหม่ถึง 32 โครงการ 24,756 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 64,662 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 275% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ถึง 18,157 ยูนิต
โดยอุปทานที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ยังคงเป็นการพัฒนาโดยดีเวลลอปเปอร์ รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากที่สุดถึง 14,075 ยูนิต หรือ 56.8% ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 41,459 ล้านบาท และผู้พัฒนานอกตลาดหลักทรัพย์ 10,681 ยูนิต คิดเป็น 43.2 % ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 23,203 ล้านบาท
จากข้อมูลพบว่า ในปีนี้ผู้พัฒนา รายใหญ่ในตลาดกลับมาสนใจพัฒนา โครงการคอนโดราคาขายต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตรเป็นจำนวนมากกว่า 8,964 ยูนิต หรือคิดเป็น 36.2% ของอุปทานที่เปิดขายใหม่ในตลาด ที่สำคัญยังพบว่า ยูนิตขายเหล่านี้สามารถปิด การขายไปกว่า 73 % ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก
“หลายโครงการสามารถปิดการขายทั้งโครงการอย่างรวดเร็ว กำลังซื้อเหล่านี้ เกิดจากกลุ่มนักลงทุนในประเทศและกำลังซื้อต่างชาติที่มีการซื้อแบบเหมายกชั้น หรือซื้อแบบบิ๊กล็อต(Big Lot) ส่งผลให้อัตราการขายได้รวมของอุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดในพื้นที่กรุงเทพฯ ครึ่งแรกปี 2565 ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากอยู่ที่ 54% จากอุปทานที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด”
จากอัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดที่เปิดขายใหม่ครึ่งแรกของปี 2565 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี หลายโครงการ ปิดการขายได้ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และ ยังคงมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าซื้อและ เยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ พบว่า มีคอนโดอีกหลายโครงการเช่นเดียวกันในช่วงไตรมาสแรก ที่ผ่านมา ที่ยังไม่เปิดพรีเซลล์อย่าง เป็นทางการ แต่มีการเปิดให้จองล่วงหน้า ก่อนการพรีเซลล์อย่างเป็นทางการและได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็น อย่างมากเช่นเดียวกัน
สะท้อนให้เห็นถึงความคึกคักของตลาดที่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทั้งในส่วนของการเปิดตัวโครงการใหม่ และ อัตราการขายที่ดีขึ้น ล้วนมาจากปัจจัยบวกทั้งในเรื่องที่การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนมาตรการแอลทีวีชั่วคราว บวกกับมาตรการเปิดประเทศในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทาง เข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจัยดังกล่าวทำให้กำลังซื้อเริ่ม กลับมาให้ความสนใจตลาดคอนโดอีกครั้ง ส่งผลให้ภาพรวมตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ตลาดปรับตัวกลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการเปิดตัวโครงการใหม่และอัตราการขายรวมถึงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ ซึ่งผู้พัฒนามองว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่อีกครั้งในปีนี้”
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีอุปทานคอนโดเปิดขายใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มากกว่า 15,000 ยูนิต ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดในพื้นที่กรุงเทพฯ ปีนี้ปรับตัว มาอยู่ที่มากกว่า 40,000 ยูนิตอีกครั้ง และส่วนใหญ่ยังคงกระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองและกรุงเทพฯ ชั้นนอก ในระดับ ราคาขาย 50,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร หรือทำเลรอบใจกลางเมืองที่เน้นเรื่องราคา การออกแบบ และทำเลเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ
จากการคาดการณ์หากในปีนี้ มีคอนโดเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ 40,000 ยูนิต กลับมาเติบโตสูงสุดรอบ 2 ปี มูลค่าแตะ 1.2 แสนล้านบาท! โดยมากกว่า 2 ปีก่อนรวมกัน
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ