ขาใหญ่ ระเบิดศึกครึ่งปีหลังปักหมุด 68 โครงการ
ยักษ์ดีเวลลอปเปอร์ ประกาศลุยโปรเจ็กต์บ้าน-คอนโดฯใหม่ 68 โครงการ มูลค่ากว่า 7.6 หมื่นล้านบาท หลังทำสงครามตลาดโกยยอดขายสนั่นเมือง
แม้รัฐบาลผ่อนปรนคลายล็อกดาวน์ระยะ 4 กระตุ้นวงล้อธุรกิจ ขับเคลื่อนทุกภาคส่วนให้เข้าใกล้ภาวะปกติ แต่ความกดดันเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจหลังโควิด หนี้ครัวเรือนที่อั้นรอระเบิด ยังเป็นปัจจัยท้าทายอยู่มาก ขณะโครงการใหม่ สำหรับดีเวลอปเปอร์ในตลาดหลักทรัพย์ ยังคงขยับต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันสาดแคมเปญระบายสต็อกที่เหลือให้ลดลงมากที่สุด
”ฐานเศรษฐกิจ” จับชีพจรขาใหญ่ในวงการ เช็คสัญญาณความมั่นใจ แผนงานช่วงครึ่งปีหลัง 2563 เริ่มที่บิ๊กอสังหาฯ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่กวาดกระแสข่าวรายวัน ด้วยการกระหน่ำออกแคมเปญแรง กู้กำลังซื้อลูกค้ายุคโควิด เป็นผลทำให้สามารถปิดการขายโครงการไปแล้วถึง 19 โครงการ ล่าสุดเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัท ระบุถึงแผนงานในช่วงครึ่งปีหลัง ว่า บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่า 1.69 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมทั้ง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักต์ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมด้วย แต่จะเป็นไปด้วยความรัดกุม โดยยกให้โครงการกลุ่มแนวราบ เป็นตัวผลักดันยอดขายใหม่ ตั้งธงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาด โดยมองโอกาสไปที่กลุ่มทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวหลัก ที่มีดีมานด์ความต้องการสูงจากคนไทยและคนต่างชาติ ควบคู่กับการสร้างยอดขายในโครงการคอนโดฯที่กำลังจะแล้วเสร็จ ผ่านกิจกรรมทางการตลาดแปลกใหม่กระตุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านค่ายใหญ่เบอร์ 1 ของตลาด นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ พฤกษาเรียลเอสเตท บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าบริษัทอยู่ระหว่างปรับแผนทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดโครงการใหม่ ครอบคลุม ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม เพียง 7 โครงการ จากเดิมทั้งปีจะเปิดใหม่ 30 โครงการ มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท เพราะต้องการไปเพิ่มยอดขายในกลุ่มสินค้าพร้อมอยู่อาศัย และเลือกเปิดโครงการใหม่ เฉพาะที่เล็งเห็นโอกาส และมีดีมานด์รองรับ เช่น ระดับเซกเมนต์กลาง-บน เจาะกลุ่มลูกค้ารายได้ดี เนื่องจากแม้ปลายไตรมาส 2 ตลาดมีสัญญาณดีขึ้น แต่พบลูกค้ามีความกังวล สะท้อนจากระยะเวลาการตัดสินใจซื้อหรือจองยาวนานขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คาดหลังจากนี้ ตลาดจะมีทิศทางดีต่อเนื่อง
”ยอมรับว่า ขณะนี้กลุ่มนักลงทุน ลูกค้าต่างชาติยังไม่เข้ามา แต่คาดจากการที่ไทยบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโรคได้ดี อาจทำให้ช่วงไตรมาส 3 ลูกค้าต่างชาติจะกลับมาซื้อในปริมาณมาก ขณะเดียวกันเท่าที่พูดคุยกับเอเยนต์ ลูกค้าจีนที่ซื้อไป ก็ยังมีกำหนดเข้ามาโอน ฉะนั้นโครงการส่วนหนึ่งของบริษัท จะถูกพัฒนาเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย”
ส่วนบมจ.เอพี ซึ่งวางตัวเลขยอดขายตลอดทั้งปีสูงสุด 3.35 หมื่นล้านบาท เป็นเป้าหมายท้าทายนั้น นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์บริษัท มองว่า หลังจากตลาดผ่านช่วงยุ่งยากในไตรมาส 2 ไปได้ ตลาดจะฟื้นกลับมาดีขึ้น สะท้อนจากจำนวนลูกค้าวอลอินเข้าโครงการ และยอดขายที่กลับมาคึกคักสูงขึ้นตามลำดับ คาดคงเป็นผลจากแคมเปญส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณความเชื่อมั่นจากลูกค้าต่างชาติ แสดงความจำนงจ่อโอนกรรมสิทธิ์ตามกำหนดเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มั่นใจเต็ม 100% เพราะความเสี่ยงยังมีอยู่ เช่น โอกาสกลับมาระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทมีการปรับแผน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ รวมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 33 โครงการ มูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
โดยในช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัว 20 โครงการ ซึ่งล้วนเป็นการลุยกลุ่มแนวราบทั้งหมด ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนวิธีการขาย และการออกโปรโมชันต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้บรรลุเป้าหมายเช่นกัน
ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เผยว่า บริษัทเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่ในระดับราคาที่ตลาดตอบรับและเข้าถึงได้ไม่ยากลำบาก และแม้สินค้าแนวราบ จะถูกมองว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสมากกว่าคอนโดฯในขณะนี้ โดยบริษัทยังคงแผนงานเดิม ในแง่จำนวนเปิดตัวโครงการ ใหม่ตลอดทั้งปี 30 โครงการ ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวไปแล้ว 10 โครงการ เหลืออีก 20 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการ และคอนโดฯ 4 โครงการ
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ