เมดิคัลฮับ-สตาร์ทอัป แม่เหล็กใหญ่บูม พญาไท ทำเลศูนย์มิกซ์ยูส รับดีมานด์ใหม่-ปลุกตลาดการลงทุน
อสังหาริมทรัพย์
จากระยะเวลา 2-3 ปี ที่ทั้งโลกได้ประสบกับการแพร่ระบาดของโรคเกิดใหม่ ทาให้หลายประเทศ ต่างให้ความสาคัญกับวิทยาการทางการแพทย์อย่างมากสาหรับประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถจัดการวิกฤตด้านสุขภาพได้อย่างดี และถูกจับตามองในฐานะประเทศที่มีมาตรฐานทางการแพทย์สูงในเอเชีย
นางสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ เทอร์ร่า บีเคเค ได้กล่าวถึงงานวิจัยของ Terra Research ที่ระบุถึง ศูนย์กลางด้านการแพทย์ของประเทศที่ใหญ่ที่สุดว่า “พญาไท” เป็นย่านที่มีสถาบันทางการแพทย์ ทั้งด้านนวัตกรรม สถาบันการศึกษา แหล่งวิจัยและวิชาการ กระจุกตัวอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้ พญาไท คือแหล่งวิชาการและการรักษาพยาบาลที่โดดเด่นที่สุดของประเทศเป็นย่านนวัตกรรมทางการแพทย์ในอนาคต ที่พร้อมดึงดูดการเติบโต ตั้งแต่บริเวณจุดตัดของ ถนนพญาไท- ถนนพระราม 4 ยาวไปจนถึงถนนพหลโยธินช่วงสะพานควาย พญาไท คือ ย่านที่อยู่ตรงกลางของทำเลแห่งนี้ และที่สำคัญ มีโรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์สถานพยาบาล ศูนย์สุขภาพ แหล่งวิจัยและวิชาการ กระจุกตัวรวมกันกว่า 40 แห่ง ให้บริการเตียงกว่า 7,500 เตียง และอุดมไปด้วยบุคลากรทางการแพทย์รวมกันมากกว่า 25,000 คน
“จากศักยภาพของการเป็นแหล่งสถาบันทางการแพทย์ที่สุดในประเทศ ทำให้ พญาไท ได้ถูกยกระดับให้กลายเป็น Medical District ภายใต้โครงการพัฒนาเมือง ‘ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (Yothi Medilcal Innovation District-YMID)’ ศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศ ที่เน้นการสร้างนวัตกรรม 3 ด้าน ได้แก่ นวัตกรรมทางการแพทย์, นวัตกรรมสำหรับภาครัฐ และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมือง ซึ่งเป็นการยกระดับการวิจัยด้านการแพทย์ ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม ธุรกิจและสตาร์ทอัปด้านการแพทย์ใหม่ ๆ เข้ามาในทำเลโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ โรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี บนพื้นที่ 16 ไร่ 3 งาน 30 ตารางวา ภายใต้กรอบวงเงิน 11,629.65 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2570”
โดยย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี จะกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการก่อเกิดนวัตกรรมทางการแพทย์ ทั้งในการระดมทุน (Funding) และการวิจัย ดึงดูดกลุ่มสตาร์ทอัปและ Demand ศักยภาพใหม่ๆ ด้านการแพทย์เข้ามาในทำเลอย่างแน่นอน
พญาไท หนึ่งในทำเล “ศูนย์มิกซ์ยูส” ที่น่าจับตามอง
ในฐานะย่านแหล่งงานชั้นนำแห่งใหม่ของกรุงเทพฯชั้นใน ทำให้มีการเติบโตของอาคารสำนักงานใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยหลังจากการเปิดให้บริการของอาคารสำนักงานพรีเมียมอย่าง Spring Tower ทำให้มีจำนวนอาคารออฟฟิศรวมกว่า 50 แห่ง และมีพื้นที่อาคารสำนักงานกว่า 1,000,000 ตร.ม.
การเข้ามาของอาคารออฟฟิศชั้นนำ ดึงดูดให้เกิด Demand ใหม่ๆ เข้ามาในทำเลอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัปและธุรกิจเกิดใหม่ ซึ่งต้องการทำเลออฟฟิศที่สามารถเดินทางสะดวกผ่านรถไฟฟ้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกในทำเลสมบูรณ์
โดยทาง Terra Research ระบุว่า การสำรวจข้อมูลประเภทบริษัทที่เข้ามาเช่าพื้นที่ออฟฟิศเกิดใหม่ ในทำเลพญาไท พบว่ามีสัดส่วนของบริษัทไทยและ บริษัทข้ามชาติ ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยส่วนใหญ่ เป็นสตาร์ทอัปด้านการศึกษา, เอเยนซีด้านการตลาด, สตาร์ทอัปด้านเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์, บริษัทซอฟต์แวร์และระบบคอมพิวเตอร์, ธุรกิจส่งออก, ธุรกิจเครื่องจักรและวิศวกรรม, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และบริษัท Head hunter ชั้นนำ ทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 1 ล้านบาทไปจนถึง 8,000 ล้านบาท การเข้ามาของ Tech Company ใหม่ๆสะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของออฟฟิศภายในทำเล สามารถดึงดูด Demand ศักยภาพ ทั้งกลุ่มสตาร์ทอัป และกลุ่ม Expat เข้ามาในทำเลได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่า New Demand ที่เข้ามา จะยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีออฟฟิศเกิดใหม่ที่เตรียมเปิดให้บริการอีกหลายแห่ง ตลอดแนวเส้นถนนพญาไทไปจนถึงถนนพหลโยธิน ได้แก่
* ONE ORIGIN Phayathai Complex (ของบริษัทออริจิ้นฯ) โครงการมิกซ์ยูสใจกลางพญาไท มูลค่าโครงการ 3,600 ล้านบาท
* The Unicorn โครงการมิกซ์ยูสที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำเลติด BTS พญาไท พื้นที่ให้เช่า รวม 20,174 ตร.ม. ภายในโครงการประกอบไปด้วย โรงแรม 5 ดาว, พื้นที่สำนักงานเกรดเอ, พื้นที่ค้าปลีก และ Premium residence
* JRK Tower โครงการมิกซ์ยูส แปลงที่ดินใหญ่ผืนสุดท้ายบนราชเทวี-พญาไท ความสูง 45 ชั้น ภายในโครงการประกอบไปด้วย โรงแรม, พื้นที่สำนักงาน, พื้นที่ค้าปลีก, ภัตตาคาร และอาคารจอดรถ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
* ONE ORIGIN Sanampao (ของบริษัท ออริจิ้นฯ) อาคารสำนักงานเกรดเอ ติดสถานี BTS สนามเป้าพื้นที่ให้เช่า 34,000 ตร.ม.
*Vanit Place Aree อาคารสำนักงานระดับพรีเมียมบนทำเลอารีย์ พื้นที่ 3,000 ตร.ม. ภายในโครงการประกอบไปด้วยพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก
* THE RICE by SRISUPHARAJ โครงการมิกซ์ยูสบนทำเลพญาไท ความสูง 26 ชั้น ภายในโครงการประกอบไปด้วย พื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่สำนักงาน
นางสุมิตรา กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพของพญาไท ที่เป็นทำเลเมืองชั้นใน ที่มีความครบครันทั้งด้านการอยู่อาศัย แหล่งงาน ไลฟ์สไตล์ และการเดินทาง ที่เชื่อมไปสู่ศูนย์กลางการเดินทางอื่นอย่าง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและสถานีกลางบางซื่อ ทำให้ทำเลพญาไทมีความหลากหลายของประชากร อาทิ พนักงานออฟฟิศ, บุคลากรทางการแพทย์, นักธุรกิจและผู้ประกอบการ, นักเรียนนักศึกษา และ ชาวต่างชาติ (Expat) ซึ่งเป็น กลุ่มที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ทำเลพญาไท จะไม่ได้เป็นแค่เพียงทำเลเมืองชั้นใน ที่เชื่อมระหว่าง CBD และ Outer Urban Area อีกต่อไป แต่จะยังกลายเป็นศูนย์มิกซ์ยูสของกลุ่ม Tech Company และเป็น Medical District ย่านนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศ ทำให้พญาไทยังสามารถดึงดูดกลุ่มประชากรใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Expat จาก Tech Company และกลุ่ม Medical Tech ให้เข้ามาในทำเลมากขึ้นอย่างแน่นอน”
ราคาที่ดินในรอบ 10 ปี เพิ่มขึ้นกว่า 100%
ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของทำเลพญาไท ที่เติบโตที่เห็นได้ชัด ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นกว่า 100% ปัจจุบันราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 400,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับรอบปี 2551-2554 มูลค่าของราคาประเมินที่ดินทำเลพญาไท ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของทำเลได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่พญาไทเป็นที่ดินส่วนใหญ่เป็นของทางราชการ ที่ดินของภาคเอกชนจึงมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งก็จะทวีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ประกอบกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอาคารสำนักงาน ศูนย์มิกซ์ยูสของกลุ่ม Tech Company และ Medical District การเติบโตเหล่านี้ ล้วนส่งเสริมให้มูลค่าที่ดินในทำเลนี้เพิ่มขึ้น
“หากมองเรื่องของการลงทุนแล้ว ศักยภาพของ ‘พญาไท’ ย่านที่ถูกขนานนามว่าเป็น แหล่งนวัตกรรมการแพทย์ที่สำคัญของประเทศ สามารถดึงดูด Demand คุณภาพด้านการแพทย์และบุคลากรชั้นนำของประเทศจำนวนมากเข้ามาในทำเล อีกทั้งยังเต็มไปด้วย Demand ผู้เช่าที่มีกำลังซื้อสูงจากกลุ่ม Expat ใน Tech Company ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีตำแหน่งการงานที่มั่นคง รายได้ต่อเดือนค่อนข้างสูง บางกลุ่มยังได้งบการเช่าที่พักจากบริษัทฯ ทำให้มีกำลังเช่าห้องพักในราคาที่สูง ซึ่งรูปแบบของที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับ Demand เหล่านี้ก็คือ Serviced Apartment ที่สามารถอัปเกรดค่าเช่าได้มากกว่าปกติ จะไม่ใช่การต่อรองราคาในรูปแบบค่าเช่าแบบทั่วไป กลุ่มลูกค้าจะเป็นผู้เช่าที่มีศักยภาพสูง ที่ต้องการบริการระดับเดียวกับโรงแรม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว”
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา