อสังหาฯเดินหน้าสู่ Net zero สร้างที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์ความยั่งยืน
ปาริชาติ บุญเอก
กรุงเทพธุรกิจ
ปัจจุบันความสนใจในเรื่องพลังงานสะอาดเริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น การเข้าถึงการติดตั้ง Solar Roof ตามบ้านเรือนทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงการกระแส รถ EV ที่เริ่มได้รับความนิยมในหลายประเทศ จากเทรนด์ดังกล่าว ทำให้เรื่องพลังงานสะอาดเป็นเรื่อง ใกล้ตัว และหลายคนเริ่มมองหา ตัวเลือกที่ทำให้ชีวิตเข้าใกล้พลังงานสะอาดเหล่านี้มากขึ้น
การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า และบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นปัจจัยที่“ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” นำมาเป็นโจทย์หลักในการ พัฒนาโครงการด้านที่อยู่อาศัยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านแบบยั่งยืน “แสนสิริ” หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญในเรื่อง Climate Change และการกู้วิกฤตสิ่งแวดล้อมโลกมาโดยตลอดกว่า 10 ปี สร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ Thailand’s First Real-Estate Company to Set Target for Net-zero มีพันธกิจองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็น “ศูนย์” ภายใต้กระบวนการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ 4 ด้านหลัก “Process” การวางแผนระยะสั้นจนถึงระยะยาว “Product"การพัฒนาบ้านสู่เป้า Net-zero “Partners” ผู้ที่มีส่วนสำคัญตลอดกระบวนการสร้างบ้าน และ “Investment” การลงทุนเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน
“อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าว่าที่ผ่านมาได้ทำบ้าน “Cooliving Designed Home” ช่วยแก้ปัญหาบ้านร้อน ไม่ว่าจะเป็นระบบพัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ ช่องลมระบายอากาศ กระจกตัดแสง ผนังต้านทานความร้อนได้ดี ใช้ Solar Roof มา 2-3 ปี พร้อมหาพาร์ทเนอร์เพื่อเดินทางไปสู่ Net Zero เนื่องจากการมุ่งสู่ Net Zero ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง เพราะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ซัพพลายเออร์ ผู้รับเหมา แรงงาน ที่ทำให้บ้านสำเร็จ พร้อมดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ภายใต้งบ 500 ล้านบาท ใน 3 ปี โดยว่าจ้างที่ปรึกษาและเข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ซึ่งเป็น เครือข่ายที่จัดตั้งโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบจ.) ซึ่งจะทำให้ทราบว่าปริมาณการปล่อยปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของแสนสิริภายในไตรมาส 1 นี้ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มากขึ้น มุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า และบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ร่วมมือกับพันธมิตรในการลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง โดยในปีนี้จะมีการจับมือกับพันธมิตรเพิ่มขึ้น ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การก้าวสู่ Net-Zero เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติด “Solar Roof” 6 พันหลังใน3ปี
เป้าหมาย Net-Zero ในปี 2565 แสนสิริ ได้ดำเนินการตามเป้าหมายพันธกิจสีเขียว โดยจับมือกับ ION (ไอออน) ผู้จัดหาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจร เดินหน้าติดตั้ง Solar Roof ในบ้านเดี่ยวแสนสิริทุกหลัง
ทุกโครงการใหม่ ในทุกระดับราคา 100% โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่าบ้านเดี่ยวแสนสิริ 6,000 หลัง ติด Solar Roof 100% ใน 3 ปี จะสามารถช่วยลดโลกร้อน และช่วยลูกบ้านประหยัดได้อย่างมหาศาลในอนาคต โดย ในระยะเวลา 25 ปี จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ให้ลูกบ้านทุกหลังรวมกันได้ถึง 1,600 ล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 8,000 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 535,000 ต้น หรือปลูกป่า 2,673 ไร่
นอกจากนี้จะติดตั้ง Solar Roof ในส่วนกลางของทุกโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ ใช้ไฟส่องสว่างในสวนพลังงานแสงอาทิตย์ในทุกโครงการแนวราบ 28 โครงการ จากในปีที่ผ่านมา ที่มีไฟส่องสว่างในสวนจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วจำนวน 34 โครงการ
ติดตั้ง EV Charger บ้านเดี่ยว
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือและลงทุนใน ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE)ติดตั้ง EV Charger ในโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ทุกหลังให้ได้ 100% โดยมีแผนติดเครื่อง ชาร์จในบ้านเดี่ยว 1,860 หลัง ภายใน 3 ปีนี้ อันจะช่วยให้ลูกบ้านแสนสิริทุกหลังประหยัดค่าน้ำมันรวมกว่า 150 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 20,000 ตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 1,300,000 ต้นต่อปีหรือปลูกป่า 6,500 ไร่
ปัจจุบัน ติดตั้ง EV Charging Station ในโครงการคอนโดมิเนียมแล้วจำนวน 95 หัวชาร์จ (50 เครื่อง) ใน 28 โครงการและมีแผนติดตั้งเพิ่มใน 18 โครงการคอนโดมิเนียม ในปีนี้ รวมทั้งมีเป้าหมายขยายการติดตั้ง EV Charging Station ให้ครอบคลุมโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ ที่เปิดใหม่ทุกโครงการ ภายใน 3 ปี และในบ้านทุกหลังในทุก segment ให้ได้ ในปี 2573
“ถือเป็นการอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานของที่อยู่อาศัยให้แก่ ลูกบ้าน โดยดูความต้องการลูกค้า เทรนด์กำลังมา เช่น พลังงานสะอาด ค่าน้ำมันที่สูงขึ้น ดังนั้น หากสามารถทำให้ลูกบ้าน ประหยัดเงินได้ในระยะยาวเป็นเรื่องสำคัญ และเชื่อว่าในอนาคต เทคโนโลยี Solar Roof และเครื่องชาร์จรถ EV จะถูกลง และวันหนึ่งจะกลายเป็นมาตรฐาน รวมถึงพร้อมให้บริการลูกค้าโครงการเดิมที่ต้องการติดตั้ง Solar Roof และ เครื่องชาร์จรถ EV ด้วย” อุทัยกล่าวทิ้งท้าย
ตอบโจทย์ พลังงานสะอาด
“พีรกานต์ มานะกิจ” ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด อธิบายว่า Solar Roof ที่ติดตั้งในบ้านเดียวของแสนสิริ เป็นระบบออนกริด ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวัน โดย Solar Roof ที่ติดตั้งขนาดติดตั้ง 1.38 kWp สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2,015 หน่วย/ปี เพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้ากับไฟขนาด 10 W จำนวน 10 ดวง แอร์ขนาด 9,000 BTU จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 9,600 บาท/ ปี
รวมทั้งขนาดติดตั้ง 1.84 kWp สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2,687 หน่วย/ปี เพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้ากับ ไฟขนาด 10 W จำนวน 15 ดวง แอร์ขนาด 9,000 BTU จำนวน 1 เครื่อง ตู้เย็นขนาด 16 คิว จำนวน 1 ตู้ และทีวี 55” LED จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 12,750 บาท/ปี
ขณะที่ Solar Roof กำลังไฟ 15 kWp - 20 kWp ผลิตไฟได้ 22,000 - 35,000 หน่วย ต่อปี ช่วยประหยัดไฟฟ้าในส่วนกลางให้ลูกบ้านได้ถึง 107,600 - 170,800 บาท ต่อปี/ 1 โครงการ ทำให้ช่วงกลางวันสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในคลับเฮาส์ ได้ 100% ประหยัดไฟฟ้าได้กว่า 68,620 บาทต่อปี
“พีระภัทร ศิริจันทโรภาส” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) อธิบายว่า เครื่องชาร์จรถ EV เป็นเครื่องชาร์จ ABB Terra AC Wallbox 22 kW นำเข้าโดย SHARGE เป็นเครื่องชาร์จที่เหมาะกับ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย เนื่องจากใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการชาร์จ ในช่วงกลางคืน ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ค่าใช้จ่ายสำหรับการชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้า ถูกกว่าค่าน้ำมันของรถยนต์สันดาปประมาณ 2 เท่าตัว
ซึ่งการขับรถยนต์ไฟฟ้า 1 กิโลเมตร จ่ายค่าไฟประมาณ 0.96 บาท ขณะที่ค่าน้ำมัน ของรถยนต์สันดาป สำหรับการวิ่ง 1 กิโลเมตรจะอยู่ที่ประมาณ 2.4 บาท ทั้งนี้ ลูกบ้าน แสนสิริที่ติดตั้ง EV Charger ยังจะได้รับ 1,000 Charging Credit เพื่อชาร์จไฟรถยนต์ EV ที่สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 100 แห่งทั่วประเทศอีกด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ