PF ปิดดีลขายโรงแรมไตรมาสนี้ ลั่นปี 65 รายได้พุ่ง 1.5 หมื่นล้าน ผุดแนวราบ 14 โครงการ 

16 พ.ย. 2564 361 0

          PF เร่งปิดดีลขายโรงแรม หวังสร้างรายได้ รับมือตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว ตั้งเป้ารายได้และยอดขายปี 65 โต 15,000 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 2,700 ล้านบาท เล็งเปิดแนวราบ 14 โครงการ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท

          นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรับมือกับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการขายทรัพย์สินที่มีในมือบางส่วน เพื่อเร่งสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยในช่วงไตรมาส 4/2564 จะปิดดีลการขายโรงแรม 1 แห่ง ซึ่งเงินที่ได้จากการขายโรงแรมในครั้งนี้ จะนำไปชำระหนี้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท

          สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ในกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ โดยเฉพาะในระดับกลาง-บน (ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป) ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมความต้องการที่เปลี่ยนไป ขณะที่ในกลุ่มระดับล่าง (ต่ำกว่า 5 ล้านบาท) ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งในเรื่องการถูกลดเงินเดือน และปัญหาเรื่องหนี้สินครัวเรือน

          ขณะที่ นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ PF เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตขึ้นจากปี 2564 โดยตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขาย (Presale) ในปี 2565 ไว้ที่ระดับ 15,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ที่คาดจะมีรายได้ที่ระดับ 12,000-13,000 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) อย่างต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ในมือมูลค่ารวมประมาณ 2,700 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ต่อเนื่องถึงปี 2565 โดย Backlog ทั้งหมด แบ่งเป็น Backlog จากโครงการแนวราบที่บริษัทพัฒนาเอง จำนวน 1,500 ล้านบาท, เป็น Backlog จากคอนโดมิเนียม จำนวน 500 ล้านบาท และเป็น Backlog จากโครงการร่วมทุน (JV) จำนวน 700 ล้านบาท

          นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 19,400 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบที่บริษัทพัฒนาเอง จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,800 ล้านบาท และเป็นโครงการแนวราบที่ร่วมทุน (JV) จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,600 ล้านบาท

          โดยปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนผลการดำเนินงานในปี 2565 ให้เติบโตและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือสถานการณ์ของโควิด-19 ที่คลี่คลาย ประกอบกับการผ่อนคลายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็น 100% ถึงสิ้นปี 2565 จะทำให้กำลังซื้อของลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

          ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 412.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 276.42 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 73.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 439.89 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อธุรกิจ

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย