LPN แย้มผลงานไตรมาสแรกโต กางแผนดัน LPP เข้าเทรดตลาดหุ้นในปี 67
LPN ส่งซิกผลงานไตรมาสแรกโต หลังส่งมอบคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/65 โตต่อ จ่อโอนโครงการลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65-สิรินธร สเตชั่น มูลค่า 1,500 ล้านบาท พร้อมทยอยบุ๊กเปิดตัวโครงการเพียบ ล่าสุดกางแผนดันบริษัทในเครือเข้าตลาดหุ้น ประเดิมส่ง LPP เข้าตลาดฯ ในปี 67
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 1 โครงการ คือโครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในเดือน มี.ค. ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดขายรอโอน (Backlog) แล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมียอด Backlog อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ปี 2565 ประมาณ 90% นอกจากนี้ยังมีสินค้าพร้อมขายมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท รองรับการขายและรายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขาย (Presale) ในช่วงไตรมาส 1/2565 บริษัทคาดว่าน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ระดับ 2,000 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 15% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ระดับ 13,000 ล้านบาท โดยจะมาจากการขายโครงการที่มีอยู่ทั้งหมด
ด้านแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะทำได้ดีกว่าไตรมาส 1/2565 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 2/2565 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ คือโครงการลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65–สิรินธร สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 30% เข้ามาเสริมควบคู่กับการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ส่งผลให้แนวโน้มไตรมาส 2/2565 เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับในปี 2565 บริษัทยังคงแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดขายตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป รวมถึงจะมีการเปิดโครงการแนวราบควบคู่กัน ซึ่งจะมีโครงการบ้านพักอาศัยระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท จำนวน 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,300 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโครงการบ้านพักอาศัยราคาเกิน 10 ล้านบาท จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 700 ล้านบาท
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะผลักดันบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจ โดยจะเริ่มจากบริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) ประกอบธุรกิจบริการ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2567
ด้าน นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LPP เปิดเผยว่า แผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของ LPP (ปี 2565-2569) บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ระดับ 2,300 ล้านบาทในปี 2569 จาก ณ สิ้นปี 2564 ที่มีรายได้ 857 ล้านบาท โดยในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 22% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดในธุรกิจบริการที่เติบโตเฉลี่ยกว่า 10% ต่อปี ขณะเดียวกันได้ประเมินกำไรสุทธิของ LPP ไว้ที่ระดับ 300 ล้านบาท หลังจากที่ LPP เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ แล้ว จากปี 2564 ที่กำไรสุทธิที่ 100 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 คาดว่า LPP จะมีกำไรสุทธิที่ 200 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น