LALIN แย้มผลงานไตรมาส2โต ครึ่งแรกเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 4,680 ล้าน
LALIN ลั่นครึ่งปีแรกเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 4,680 ล้านบาท แย้มผลงานไตรมาส 2/64 โตดี พร้อมมั่นใจยอดพรีเซลแตะ 7,000 ล้านบาท ดันรายได้โต 6% ชูอัตรากำไรขั้นต้น 39%
นายเสรี สินธุอัสว์ กรรมการผู้อำนวยการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2564 ถึงต้นไตรมาส 2/2564 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่รวม 5 โครงการ และปลายเดือน มิ.ย. 2564 เตรียมเปิดอีก 2 โครงการ มูลค่า 1,050 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 เปิดโครงการใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่า 4,680 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ราว 1,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในเดือน พ.ค. 2564 และช่วยผลักดันให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 เติบโตแน่นอน เนื่องจากเดือน เม.ย.-พ.ค. 2564 ยังคงทำได้ตามเป้าหมาย และแบ็กล็อกที่เหลือจะรับรู้รายได้ไตรมาส 3/2564 เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี มองว่าผลการดำเนินงานจะเติบโต 25% ต่อไตรมาส ซึ่งในช่วงนี้ถึงต้นไตรมาส 3/2564 จะรอดูทิศทางตลาดโดยรวมก่อนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3-4 โครงการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ตามแผน
สำหรับปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 6,000 ล้านบาท จากปี 2563 มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 5,748 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2564 สามารถทำได้ 25% ของเป้าหมายแล้ว ส่วนรายได้รวมเติบโตภายใต้สถานการณ์ไม่ปกติที่ 6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้รวม 5,920.21 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ 7,000 ล้านบาท และได้ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินไว้ 1,000-1,200 ล้านบาท ปัจจุบันใช้เงินไปแล้วประมาณ 700-800 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน มั่นใจว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นไว้ที่ระดับ 39% ไว้ทุกไตรมาสเหมือนเดิมที่เคยทำได้มาตลอด 20 ปี ถือว่าสูงเมื่อเทียบอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ 40 บริษัทในตลาดหุ้นไทย ส่วนอัตรากำไรสุทธิปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 21% ส่วนโครงการใหม่ในปี 2564 มีแผนการเปิดตัว 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 6,000-7,000 ล้านบาท จากปกติ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี
นายเสรี กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากทาวน์เฮาส์กว่า 60% โดยเฉพาะราคา 2-2.5 ล้านบาท ครองอันดับ 1-3 ของตลาดแนวราบได้ทุกพื้นที่ รวมถึงยังดึงลูกค้าจากคอนโดมิเนียม ขนาดพื้นที่ 30 ตารางเมตร (ตร.ม.) ติดรถไฟฟ้าได้ด้วย เพราะโครงการ LALIN อยู่ห่างรถไฟฟ้าเพียง 10 นาที แต่ได้คอนโดมิเนียม ขนาดพื้นที่ 100 ตร.ม. และช่วงนี้ได้ผลบวกเทรนด์ WFH ด้วย อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 ยังเน้นเปิดโครงการใหม่ เป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพราะมีที่ดินในทำเลที่ดีจำนวนมาก และมีโอกาสเจาะตลาดได้อีกมาก
ขณะเดียวกัน COVID-19 ที่ยืดยาวมาถึงปัจจุบัน โดยรวมแล้วกระทบ แต่ LALIN คุมได้ดี แน่นอนว่ายอดการเข้าชมโครงการลดลงมาก และการยกเลิกของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบมีสัดส่วนที่น้อยมาก แต่ถูกชดเชยด้วยความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) เดินเข้ามาค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ได้มีการลงทุนในทำเลที่คาดว่าจะเจริญในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ปัจจุบัน LALIN มีโครงการรองรับความต้องการลูกค้า โดยเฉพาะรถไฟ หรือรถไฟฟ้าชานเมือง
ด้านสถานะทางการเงิน บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ดี และจ่ายปันผลทุกปี ส่วนอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า และมีกระแสเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดในการลงทุนตราสารหนี้ในตลาดเงินรวมกว่า 1,000-1,500 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น