BAMช่องทางออนไลน์แรงรายได้ปีนี้ชน1.7หมื่นล้าน
BAM ปรับกลยุทธ์รับความเสี่ยงกรณีกรมบังคับคดีงดจำหน่ายทรัพย์ใน 28 จังหวัดเสี่ยง มั่นใจการตลาดออนไลน์ แข็งแกร่ง เร่งลดขั้นตอนนำที่ดินแปลงใหญ่ออกขายครึ่งปีหลัง 2564 มั่นใจผลงานแตะเป้า 1.7 หมื่นล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ประเมินระยะกลาง-ยาว รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นคนมีกำลังซื้อทรัพย์มากขึ้น คาดกำไรปี 2564 โต 110% เลือกเป็นหุ้นเด่น ราคาเหมาะสม 25.50 บาท
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า กรณีที่กรมบังคับคดี ประกาศงดขายทรัพย์ทอดตลาดชั่วคราวในพื้นที่จังหวัดเสี่ยง 28 จังหวัด ในเดือนมกราคม 2564 จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบผลการดำเนินงานของบริษัทในกรอบจำกัด เนื่องจากไม่ใช่เป็นการปิดดำเนินการทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติปรับกลยุทธ์การจำหน่ายทรัพย์เพื่อให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 2564 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท จากปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยจะรุกการตลาด Online ต่อเนื่อง, ควบคู่กับการคัดทรัพย์สภาพดีออกมาจำหน่ายโดยลัดขั้นตอน
ทั้งนี้สำหรับปี 2564 บริษัทตั้งงบประมาณการซื้อทรัพย์ระหว่าง 9,000-10,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปริมาณทรัพย์ทั้ง NPL, NPA ที่จะทยอยออกมาจำหน่าย
เดินหน้า New S-Curve
นอกจากนี้ในการประชุมบอร์ด ได้รับทราบการขออนุมัตินำที่ดินเปล่าในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลออกมาจำหน่ายโดยจะเป็นการขายให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และผู้ที่ต้องการที่ดินเพื่อการเกษตร พร้อมกันนี้ได้รับทราบแผนการนำทรัพย์เด่นที่น่าสนใจออกมาจำหน่ายโดยปรับลดขั้นตอนของบริษัท เพื่อให้สามารถจำหน่ายได้ง่ายขึ้นอีกหลายแปลง เบื้องต้นจะทยอยนำออกจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อรองรับแผนการธุรกิจ New S-Curve นอกเหนือไปจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิม ในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งมีการรุกธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น อาทิ ธุรกิจประเมินราคาทรัพย์สิน, ที่ปรึกษาด้านการเงิน, ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์, การร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หรือพันธมิตรอื่น ตลอดจนการรุกธุรกิจบริหารสินทรัพย์ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น จะสามารถกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และสร้างผลการดำเนินงานที่มั่นคงในระยะยาว
โบรกคาดกำไรโต 110%
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง BAM ว่า แม้ระยะสั้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะกดดันบรรยากาศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ในระยะกลาง-ยาวยังคงคาดว่าเศรษฐกิจจะสามารถทยอยฟื้นตัวได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นศักยภาพการซื้อทรัพย์ของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือนำไปพัฒนาต่อยอด โดยเฉพาะกลุ่มสินทรัพย์รอการขาย (NPAs)
ขณะเดียวกันปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นหลังสิ้นสุดมาตราการช่วยเหลือภาครัฐ จะเป็นโอกาสให้กลุ่ม AMC เลือกซื้อทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยฝ่ายวิเคราะห์มองว่า BAM มีพอร์ตสินเชื่อมีหลักประกัน ดังนั้นราคาจะไม่เคลื่อนไหวรุนแรง เหมาะสมกับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว
ฝ่ายวิเคราะห์คาดแนวโน้มกำไรสุทธิทั้งปี 2564 ของ BAM มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น 110% เมื่อเทียบกับปี 2563 หนุนจากการเรียกเก็บเงินสดที่ดีขึ้น และการขายทรัพย์สินขนาดกลาง-ใหญ่ จึงคงเลือกเป็นหุ้นแนะนำในปี 2564 ราคาเหมาะสมที่ 25.50 บาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
