ORIรับแรงซื้อต่างชาติฟื้นโบรกชี้Q4นิวไฮปันผลสูง

08 ธ.ค. 2563 388 0

          ผู้บริหาร ORI ชี้ได้รับอานิสงส์ มาตรการเปิดให้ต่างชาติลงทุน ซื้อคอนโดเกิน 10 ล้านบาท ขึ้นไป พร้อมรับสิทธิ์สมาชิกอีลิท การ์ด 5 ปี แถมได้วีซ่าอยู่ไทยยาว 5 ปี หวังโกยยอดขายปี 2564 กลับมา 15% หรือประมาณ 2-3 พันล้านบาท มั่นใจดีมานด์สูง ส่วนยอดขาย 11 เดือนทำได้ 2.4 หมื่นล้านบาท เตรียมเปิดอีก 2-3 โครงการโค้งท้ายปี ฟากโบรกมองกำไรไตรมาส 4/2563 ทำนิวไฮ เงินปันผลกว่า 6-7% เคาะเป้าหมาย 9 บาท

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า สำหรับล่าสุดที่มีการเดินหน้าโครงการ โปรแกรมพิเศษ Elite Flexible One รุ่นแรก ที่ให้ต่างชาติที่ลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม ยอดรวม 10 ล้านบาทขึ้นไป (ไม่จำเป็นต้องซื้อยูนิตเดียวราคา 10 ล้านบาท อาจจะซื้อหลายยูนิต แต่ราคารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท) โดย จะได้รับสิทธิ์สมาชิกอีลิท การ์ด 5 ปี แถมได้วีซ่าอยู่ไทยยาว 5 ปี เริ่ม 1 มกราคม 2564-31 ธันวาคม 2565

          โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นปัจจัยบวกในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากต่างชาติทั้ง ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น รวมไปถึงปัจจัยบวกที่ประเทศไทยมีโอกาสที่จะได้ใช้วัคซีนก่อนในภูมิภาคด้วย

          ปี 64 ยอดขายต่างชาติฟื้น 15%

          ทั้งนี้บริษัทเตรียมเข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ มีการขายออนไลน์ผ่านเอเจนซี (Agency) ที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายจากลูกค้าต่างชาติได้กว่า 20% จากยอดขายรวม แต่ปีนี้ยอดขายจากต่างชาติอาจจะลดลงมาที่ระดับประมาณ 5% ขณะที่เชื่อว่าปี 2564 ยอดขายจากต่างชาติจะกลับมาประมาณ 15% หากคิดเป็นมูลค่าน่าจะประมาณ 2-3 พันล้านบาท

          “ประเด็นเรื่องเปิดให้ต่างชาติมาซื้ออสังหา ริมทรัพย์นั้น ตอนนี้ถือเป็นรุ่นแรก แต่เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทมาก บริษัทก็จะมีการเข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งเชื่อว่าต่างชาติน่าจะสนใจเข้าประเทศไทยจำนวนมากเพราะเรื่องสุขภาพก็มีการบริหารจัดการที่ดี อาหารเป็นที่ยอมรับ ตอนนี้ประเทศที่สนใจก็มีฮ่องกง สิงคโปร์ ทำให้เชื่อว่าปีหน้ายอดขายจากต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” นายพีระพงศ์กล่าว

          11 เดือนมียอดขาย 2.4 หมื่นล.

          ขณะที่ยอดขาย 11 เดือนปี 2563 ทำได้แล้ว กว่า 2.4 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีโอกาสที่ยอดขายปี 2563 จะทำได้เกิน 2.5 หมื่นล้านบาท หลังโครงการได้รับความสนใจจากลูกค้า รวมไปถึงยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตได้ดี ส่วนเดือนธันวาคม 2563 นี้คาดว่าจะเปิดโครงการได้อีกราว 2-3 โครงการ กระตุ้นยอดขายในช่วงสุดท้ายของปี

          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่ายอดขาย 11 เดือนปี 2563 ทำได้ 2.4 หมื่นล้านบาท เกินเป้าปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท แล้ว โดยคอนโดแบรนด์ใหม่ Soho Bangkok Ratchada ได้รับผลตอบรับดี ขณะที่ต้องจับตาการก้าวเข้าตลาดบ้าน High-End ด้วยโครงการ Belgravia Bangna-Rama 9 เปิดตัวในไตรมาส 4/2563 ท่ามกลางตลาดบ้านแพงที่มีแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาด

          ส่วนปี 2564 มีแผนเปิดโครงการใหม่รวม 2 หมื่นล้านบาท เป็นสัดส่วนแนวราบ 50% ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ Grand Britania ระดับ Mid-to-High End ที่มีอุปสงค์แข็งแกร่ง แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2563 คาดทำจุดสูงสุดของปี ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปกติปี 2563-2564  ที่ 2.8 พันล้านบาท

          (+4%)และ 3.2 พันล้านบาท (+17%) ตามลำดับ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 มี Backlog รวม 3.79 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท รองรับคาดการณ์ยอดโอนปี 2563-2564 แล้ว 97% และ 53% ตามลำดับ ราคาหุ้นเทรด บน P/E 6 เท่า พร้อมปันผล 6-7% คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9 บาท

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย