เสนาฯ งัดกลยุทธ์ โลว์คอสต์เปิดตัว ทาวน์ โฮม รอบ10ปี
เสนาฯ ชูกลยุทธ์โลว์คอสต์ แตกเซกเมนต์ทาวน์โฮมบ้านแฝด ราคา 1.5-3 ล้านบาท เปิดตัวทาวน์โฮมรอบ 10 ปี รองรับกำลังซื้อหดตัว เจาะเรียลดีมานด์
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว และกำลังซื้อหดตัวหลังจากได้รับผลกระทบโควิด-19 ลากยาวไปถึงปี2564 คาดว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว บริษัทจึงจะเน้นการทำในสิ่งที่ถนัด และระมัดระวังการลงทุน บริหารกระแสเงินสดให้มีสภาพคล่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัท มีกระแสเงินสดประมาณ 1,000 ล้านบาท รองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะที่เดียวกันบริษัทหันมาโฟกัสโครงการใหม่ ที่มีระดับราคาเหมาะกับกำลังซื้อของลูกค้าที่มี ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย (เรียลดีมานด์) โดยเฉพาะโครงการแนวราบ ภายใต้ 4 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ เสนา วิลเลจ บ้านแฝด 3-5 ล้านบาท, เสนา วิลล์ บ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยว ระดับราคา5-10 ล้านบาท, เสนา เวล่า ทาวน์โฮมสไตล์บ้านแฝด, เสนา วีว่า ทาวน์โฮม ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาทรองรับกำลังซื้อ หดตัวในเซ็กเมนต์โลว์คอสต์ เหมือนกับ สายการบิน ที่มีจุดขายที่แตกต่างจาก คู่แข่งไม่ว่าเรื่องของการติดตั้งแผงโซลาร์ ให้กับบ้านทุกหลัง แอพพลิเคชั่น “SENA 360” เป็นบริการพิเศษ ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ช่วยลูกบ้านจัดการทุกเรื่องของการอยู่อาศัย และการ ดีไซน์ฟังก์ชั่นภายในบ้าน ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
โดยในไตรมาส4ปีนี้ มีแผนเปิดตัว โครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่า รวม 1,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดต่ำล้าน จำนวน 2 โครงการ และเป็นโครงการทาวน์โฮม จำนวน 1 โครงการภายใต้แบรนด์เสนา วีว่า เพชรเกษม-พุทธมณฑล สาย 7 จำนวน 210 ยูนิตมูลค่า 420 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 4 เมตร และ 5.7 เมตร ที่ดินเริ่ม 16 ตารางวา ขึ้นไป ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 103-127 ตารางเมตร 2-4 ห้องนอน 2-3 ห้องน้ำ “ถือเป็นการเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมครั้งแรกในรอบ 10 ปีของเสนาฯเนื่องจากยังมีช่องว่างในตลาดที่จะทำได้ และถือเป็นโอกาสในการขยายพอร์ตแนวราบของบริษัท จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ 10-20% “
สำหรับปีนี้บริษัทเปิดตัว โครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท (เป็นโครงการร่วมทุน 1 โครงการ) ซึ่งลดลง 3 โครงการ มูลค่า รวม 3,400 ล้านบาท (เป็นโครงการ คอนโด 1 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ) จากแผนเดิมที่วางแผนจะเปิดตัว 10 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท คาดว่ายอดขาย ในปี 2563 จะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาทลดลงจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ปรับลด การเปิดตัวโครงการใหม่ โดยในช่วง 10 เดือนแรก บริษัทมียอดขายรวม 6,000-7,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วง เดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ