ลลิล มั่นใจยอดขาย6พันล.แม้เลื่อนโครงการใหม่

05 พ.ย. 2563 722 0

          ลลิลฯ ยันตลาดอสังหาฯกลับสู่ภาวะหดตัวตามปกติ จากช่วง 2-3 เดือนแรกหลังปลดล็อกดาวน์ตลาดคึกคักเสมือนฟื้นตัว ระบุผลกระทบโควิด-19 ต่อธุรกิจบางกลุ่มส่งผลกำลังซื้อลูกค้าต่อเนื่อง คาดทั้งปีตลาดรวมหดตัวมากกว่า 10% ยอมรับชะลอเปิดโครงการใหม่ดูทิศทางตลาด เผยปัจจุบันเปิดขายแล้ว 7  โครงการจากเป้าเดิม 9-11 โครงการ ปลื้มยอดขายโตตามเป้า 10 เดือนกวาดยอด 5,300 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปียอดขาย 6,000 ล้านตามเป้าแม้เปิดโครงการลดลง ล่าสุดบุกตลาดโซนตะวันตก กทม.เปิด 2 โครงการใหม่มูลค่า 1,450 ล้านบาท

          นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ถือว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จากช่วง 2-3 เดือนแรกหลังการปลดล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดกลับมาคึกคักเพราะการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดรวมกลับมาขยายตัวเสมือนตลาดอสังหาฯฟื้นตัวแล้ว ทั้งนี้ ในปัจจุบันสถานการณ์ตลาดยังชะลอตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อธุรกิจบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจการบิน โรงแรม และส่งออก และมีผลต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในภาคธุรกิจดังกล่าว

          ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนโครงการจัดสรรในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีตัวเลขลดลง 8-10% ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังหดตัวอยู่ ทำให้คาดว่าในปีนี้ตลาดรวมจะติดลบมากกว่า 10% อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของไตรมาส 4 ตลาดจะฟื้นตัวกลับมาได้หรือไม่เนื่องจากในช่วงปลายปีถือเป็นช่วงไฮซีซัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ผู้ประกอบการจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อ

          จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ในปีนี้ลลิลฯ ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปจากเป้าหมายเดิมที่มีแผนจะเปิดตัว 9-11 โครงการใหม่ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งปีนนี้ ลลิลฯ ได้เปิดตัวไปแล้ว 7 โครงการ มูลค่า 5,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเปิดตัวโครงการในทำเล กทม.-ปริมณฑลทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีนี้ ลลิลฯ จะเปิดตัวโครงการใหม่ ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายให้ลดลงโดยผ่านมา 10 เดือนบริษัทมียอดขายแล้ว 5,300 ล้านบาท จากเป้า 6,200 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี หรือเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15% และมีเป้ารับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาถือว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายเดิม นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นส่วนใหญ่

          ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดตัวโครงการใหม่ ล่าสุด ลลิลฯได้เปิดขาย 2 โครงการใหม่ในทำเลกรุงเทพฝั่งตะวันตก ในจังหวัดนนทบุรี ประกอบด้วยโครงการ ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่ ทาวน์โฮม 2 ชั้นบนพื้นที่โครงการ 41 ไร่ จำนวน 457 ยูนิตราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท มูลค่ารวมโครงการ 900 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 6 เฟสเฟสละ 70-80 ยูนิต มียอดขายแล้ว 80-90 ยูนิต โดยจะทยอยโอนในปีนี้ 60 ยูนิต และโครงการไลโอ บริสซ์ วงแหวนปิ่นเกล้า (พระราม ๕) ทาวน์โฮม 2 ชั้น บนพื้นที่ 24 ไร่ จำนวน 283 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท มูลค่ารวม 550 ล้านบาท แบ่งพัฒนาเป็น 4 เฟส ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70 ยูนิต

          สำหรับทำเลย่านบางใหญ่ นนทบุรี ถือว่าเป็นทำเลศักยภาพที่มีการขยายตัวของดีมานด์ที่อยู่อาศัยแนวราบ จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมที่หันมาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบแทนห้องชุด ซึ่งจากข้อมูลศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าจังหวัดนนทบุรีถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีปริมาณการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่สูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 63 โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการจัดสรรแนวราบระดับราคา 2-5 ล้านบาท ทั้งนี้ในนนทบุรีโดยเฉลี่ยต่อปีมีซัปพลายใหม่เกิดขึ้น 18,000-20,000 ยูนิต และมีอัตราระบายออกประมาณ 10,000 ยูนิตต่อปี อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจโครงการในจังหวัดนนทบุรีพบว่าในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีซัปพลายใหม่เข้าสู่ตลาดเพียง 10,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าลดลงค่อนข้างมากเนื่องจากผู้ประกอบการในพื้นที่มีการชะลอการพัฒนาโครงการเพื่อรอดูทิศทางการประกาศของผังเมืองฉบับใหม่

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย