ยอดสมัคร คลินิกแก้หนี้ พุ่งอานิสงส์ ธปท. ผ่อนเกณฑ์

17 ส.ค. 2563 656 0

 

          คาดสิ้นปีแตะ 2 หมื่นราย

          “แซม” ชี้คนแห่สมัคร เข้าโครงการ “คลินิกแก้หนี้” อื้อ เฉลี่ยวันละ 500 คน หลัง “แบงก์ชาติ” ผ่อนเกณฑ์ เงื่อนเวลาเป็นหนี้เสียก่อน 1 ก.ค.63  คาดสิ้นปีผู้เข้าโครงการแตะ 1.5-2 หมื่นคน

          นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ซึ่งเป็นตัวกลาง ในการ ช่วยเจรจาธนาคารพาณิชย์ ผู้ให้บริการทางการเงิน (นอนแบงก์) และลูกหนี้ ผ่านโครงการ “คลินิกแก้หนี้” กล่าวว่า หลังจากที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับปรุงเงื่อนไขของโครงการ “คลินิกแก้หนี้” โดยให้ลูกหนี้ที่เป็น หนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล ก่อน 1 ก.ค.2563 สามารถเข้าโครงการได้ จากเดิมที่กำหนด คุณสมบัติให้ผู้เข้าโครงการต้องเป็น หนี้เสียก่อน 1 ม.ค.2563 เพื่อรองรับ ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียในช่วงครึ่งปีแรก จากผลของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 โดยพบว่าตั้งแต่ปรับ เงื่อนไข มีลูกหนี้ยื่นขอเข้าโครงการผ่านเฉลี่ยวันละราว 500 คน หรือเพิ่มขึ้น เท่าตัว หากเทียบกับช่วงก่อนหน้า ที่มี คนติดต่อเพื่อขอเข้าโครงการเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 200-300 คน

          ทั้งนี้ หากดูการยื่นขอเข้าโครงการ ตั้งแต่ต้นปี จนถึงก.ค.พบว่ามีกว่า 30,000 คน ซึ่งจากจำนวนนี้มีราว 7,000 คนที่เป็น หนี้เสียใหม่ มาตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา จากวิกฤติโควิด-19 และจากปัจจัยต่างๆที่ยื่นขอเข้าโครงการ แต่ไม่สามารถ เข้าโครงการได้ เนื่องจากไม่ผ่านคุณสมบัติ ดังนั้นคาดว่ามีโอกาสที่กลุ่มนี้จะผ่าน เข้าโครงการได้สูงถึง 80-90%

          “ตอนนี้หากดูกำลังเรา ยังสามารถรับลูกหนี้ที่ขอเข้าโครงการได้อยู่ เพราะตอนแรกที่คิดว่าหลังปรับเกณฑ์ลูกหนี้จะเยอะกว่านี้ แต่วันนี้ก็ทยอยๆ เข้ามา ความสามารถเรายังรองรับได้ และเชื่อว่า หลังจากนี้ ที่คนรับรู้การปรับเกณฑ์ มากขึ้น จะเห็นการทยอยเข้ามาเยอะขึ้น ซึ่งใน 30,000 คนวันนี้เราก็ต้องมา นั่งดูใหม่ ว่ามีโอกาสผ่านมากน้อยแค่ไหน ในการเข้าโครงการได้ ขณะที่ล่าสุด เครดิตบูโร ก็มีการให้ลูกหนี้คลินิกแก้หนี้ ตรวจเครดิตฟรีด้วย 10,000 คน คนละ 150 บาท เชื่อว่าจะเอื้อให้คนอยากเข้า มาตรวจ และเข้าโครงการมากขึ้น”

          ทั้งนี้ หากดูยอดการเข้าโครงการ สะสม ปัจจุบันเพิ่มมาเป็นเกือบ 7,000 คน และรอลงนามเข้าโครงการอีกกว่า 1,000 คน ซึ่งคาดว่า ภายในไตรมาส 3 ปี 2563 นี้น่าจะเห็นลูกหนี้เข้าโครงการ  ได้สำเร็จน่าจะถึง 10,000 คน ดังนั้น เชื่อว่า มีโอกาสสูงที่ สิ้นปี 2563 ที่จะเห็นลูกหนี้เซ็นสัญญาเข้าโครงการได้ถึง 15,000-20,000 คน

          อย่างไรก็ตาม ด้าน SAM มีการ ปรับกระบวนการทำงานภายในมากขึ้น เพื่อเอื้อให้ลูกค้า มีโอกาสเข้าโครงการ และรับความสะดวกในการเข้าโครงการเพิ่ม โดยเฉพาะตอนนี้ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้การยื่นขอเข้าโครงการ สามารถทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือดิจิทัลด้วย จากเดิมที่ลูกหนี้ต้องยื่นตามจุดที่บริษัท กำหนด ซึ่งจะช่วยลูกหนี้ให้สะดวก และ ตัดสินใจเข้าโครงการได้เร็วขึ้น หากทุกอย่าง อยู่บนออนไลน์ ลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายให้ลูกหนี้เพิ่มด้วย

          ซึ่งระบบออนไลน์ ดิจิทัล จะเข้ามา ช่วยแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ยื่นเอกสาร รับเรื่อง ส่งเองสาร และเซ็นสัญญา เข้าโครงการที่สามารถทำทุกอย่างได้บนช่องทางดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่า การให้บริการนี้น่าจะสรุปชัดเจนได้ภายใน 1-2 เดือน

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย