นิคม-คลังสินค้าขาขึ้นรับต่างชาติ
อสังหาฯภูเก็ตคึกรัสเซียเหมาซื้อ
แห่ลงทุน'คอนโด-วิลล่า'แสนล้าน
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ในพื้นที่กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่กว่า 40,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่เปิด 30,000 ยูนิต ส่วนแนวราบบ้านเดี่ยวดีมานด์ยังดี ขณะที่อาคารสำนักงานมีพื้นที่เพิ่ม 5.74 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) ส่วนใหญ่เป็นโครงการ วัน แบงค็อก และดูสิต เซ็นทรัล พาร์ค ค่าเช่าอยู่ที่ 1,300-1,400 บาทต่อ ตร.ม. ทำเลทองอยู่ถนนพระราม 4 พระราม 9 ทำเลที่ดีมานด์ลดลง คือ ย่านสาทร เนื่องจากไม่มีสำนักงานใหม่เกิดขึ้น ด้านค้าปลีกยังไปได้ดีมีซัพพลายเพิ่ม 89,556 ตร.ม. ขาขึ้นมีนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้า หลังมีนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานมาไทย เช่น จีน ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยปี 2566 มีการซื้อขายที่ดินในนิคม 5,600 ไร่ และในปีนี้จากเป้าหมายจะมีนักท่องเที่ยว เข้ามา 35 ล้านคน คาดว่าจะทำให้ธุรกิจโรงแรมมีอัตราเข้าพักถึง 80% สูงกว่าก่อนโควิด
นายภัทรชัยกล่าวว่า ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ จ.ภูเก็ต ในปี 2566 ฮอตมาก ทำให้ราคาที่ดินสูงถึงไร่ละ กว่า 25-100 ล้านบาท มีคอนโดมิเนียมและบ้านตากอากาศเปิดขายใหม่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท มีคอนโดมิเนียม 36 โครงการ 8,743 หน่วย กว่า 49,559 ล้านบาท จากปกติเปิดปีละ 2,000-3,000 ยูนิต และเป็นผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ และในพื้นที่ เช่น บมจ.แสนสิริ บมจ.แอสเซทไวส์ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บจ.ฮาบิแทท กรุ๊ป ส่วนปี 2567 คาดมีเปิดขายอีก 4,500 ยูนิต ขณะที่ในตลาดมีคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างขาย 75 โครงการ 22,253 ยูนิต ขายไปแล้ว 14,484 ยูนิต หรือ 65.08% รอขายอยู่ 7,769 ยูนิต คิดเป็น 34.91% ส่วนใหญ่สนใจพัฒนาโครงการพื้นที่ฝั่งตะวันตกของภูเก็ต เช่น บางเทา เชิงทะเล รอบลากูน่า กมลา ระดับราคา 5-10 ล้านบาท
นายภัทรชัยกล่าวว่า สำหรับบ้านพักตากอากาศเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน มีเปิดขายใหม่ถึง 61 โครงการ 1,108 ยูนิต ด้วยมูลค่ากว่า 51,002 ล้านบาท สูงที่สุด เท่าที่เคยมีมา ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งตะวันตกของเกาะ โดยเฉพาะบางเทา เชิงทะเล และรอบลากูน่า โดยมี ผู้พัฒนา เช่น บมจ.ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล และผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ เช่น บมจ.แสนสิริ, บมจ.แอสเซทไวส์, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บจ.ฮาบิแทท กรุ๊ป รวมถึง บมจ.ไซมิส แอสเสท และหลายโครงการได้รับความสนใจจากผู้ซื้อเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซียที่ซื้ออยู่เองและเหมาเพื่อลงทุนปล่อยเช่าให้ คนรัสเซียด้วยกันเอง และเริ่มมีอิสราเอลเข้ามาพักในระยะยาวมากขึ้นหลังมีสงคราม ขณะที่ปัจจุบันมีโครงการอยู่ระหว่างการขาย 107 โครงการ 2,316 ยูนิต ขายได้แล้ว 1,220 ยูนิต เหลือขาย 1,096 ยูนิต กว่า 98% เป็นบ้านเดี่ยว ราคาต่ำกว่า 30 ล้านบาท รองลงมา 30-50 ล้านบาท และ 50-70 ล้านบาท โดยตลาดบ้านพักตากอากาศปี 2566 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากต่างชาติมาก จากยุโรป เช่น เยอรมนี เดนมาร์ก และเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ เป็นต้น ทำให้ทุกโครงการมียอดขายต่างชาติ เต็มโควต้า ต้องขายแบบเช่าระยะยาว 30+30+30 ปี ขณะที่ ผู้พัฒนาโครงการ บมจ.ออริจิ้นฯ มีส่วนแบ่งตลาด มากสุดในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนบ้าน ตากอากาศเป็น บจ.โบทานิก้า ลักชูรี่ ภูเก็ต
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน