แสนสิริ ทุ่ม1หมื่นล้านซื้อที่ดิน

25 ม.ค. 2567 298 0

 



         ปี'67 เล็งเปิดใหม่46โครงการ

         บุกหนักกทม. - เมืองท่องเที่ยว

        'แสนสิริ' โชว์กวาดยอดขาย 4.9 หมื่นล้าน ประกาศแผนปี'67 เปิดอีก 46 โครงการ มูลค่า 6.1 หมื่นล้าน ปูพรมทุกระดับราคา ทุกทำเล กทม. ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว ขยายพอร์ตลักชัวรี่ ผุดบ้านคอนโดแบรนด์ใหม่ บุกตลาดต่างชาติ ทุ่ม 1 หมื่นล้านซื้อที่ดิน ตั้งเป้ารายได้ 4.3 หมื่นล้าน

         นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีที่แสนสิริก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 และผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง และปี 2567 มีเป้าหมายกำไรสุทธิที่คาดว่ามีผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบ 40 ปี ต่อเนื่องจากปี 2566 ที่บริษัทเปิด 44 โครงการ มูลค่ารวม 65,000 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ ALL-Time High เติบโตจากปีก่อนหน้า 50% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 10 เท่า ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทุกเซ็กเมนต์ระดับราคาและทุกทำเล

         นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัว 46 โครงการ รวม 61,000 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล 33 โครงการ มูลค่า 45,000 ล้านบาท และ ต่างจังหวัด 13 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา แบ่งเป็นแนวราบ 26 โครงการ มูลค่า 35,000 ล้านบาท คอนโด 20 โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท แยกเป็นคอนโด 21,000 ล้านบาท แนวราบ 31,000 ล้านบาท เป้าหมายยอดโอน 43,000 ล้านบาท เป็นคอนโด 13,000 ล้านบาท และแนวราบ 30,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2566 ที่เปิดตัว 44 โครงการ มูลค่า 65,000 ล้านบาท เป็นคอนโด14 โครงการ แนวราบ 30 โครงการ มียอดขาย 49,000 ล้านบาท และยอดโอน 39,000 ล้านบาท

         นายอุทัยกล่าวว่า ไฮไลต์ปี 2567 แนวราบจะเพิ่มบ้านลักชัวรี่ มากขึ้น เช่น นาราสิริ บางนา กม.10 มูลค่า 3,800 ล้านบาท เริ่มต้น 55-120 ล้านบาท ต่อยอดแบรนด์เศรษฐสิริ รวม 7 โครงการ มูลค่า 14,400 ล้านบาท สราญสิริรวม 6 โครงการ มูลค่า 9,100 ล้านบาท และอณาสิริรวม 4 โครงการ มูลค่า 4,100 ล้านบาท พร้อมเปิด 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ ณริณสิริ บ้านเดี่ยว ระดับพรีเมียมโครงการแรก ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา มูลค่า 1,800 ล้านบาท เริ่มต้น 45-70 ล้านบาท และ มาเบิล บ้านเดี่ยวราคา 5-7 ล้านบาท ที่บางนา 26 มูลค่า 850 ล้านบาท ขณะที่คอนโดในหัวเมืองท่องเที่ยว 9 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท

        นายอุทัยกล่าวว่า มีไฮไลต์ เปิดขายโครงการแบรนด์เดดเรสซิเดนซ์ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเด้นซ์ หัวหิน มูลค่า 4,100 ล้านบาท เปิดตัวเวีย 2 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท ย่านสุขุมวิท 34 และ 61 ขยายตลาดคอนโดราคาเข้าถึงง่าย เป็นแคมปัสคอนโด 3 โครงการ มูลค่า 2,800 ล้านบาท รวมถึงแบรนด์เดอะ มูฟและเดอะ เบส รีเฟรชแบรนด์ใหม่เปิด 3 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ยังมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ pynn ที่ซอยศูนย์วิจัยกับปรีดี 20 เป็นคอนโดระดับกลาง ทุกโครงการเปิดปี 2567 โดยปีตั้งงบ 10,000 ล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินพัฒนาโครงการปี 2568 และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรร่วมลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น และเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่

       “ตลาดต่างชาติปี 2567 ยังบุกต่อเนื่อง รับการท่องเที่ยวฟื้นตัว ตั้งเป้าขาย 7,000 ล้านบาท โต 15% จากปี 2566 มียอด 6,100 ล้านบาท ลูกค้าหลักยังเป็นจีน และรัสเซีย ปีนี้เชื่อว่าจีนกลับมามากขึ้น” นายอุทัยกล่าว

         นายอุทัยกล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 น่าจะทรงตัว โดยกำลังซื้อส่งผลกระทบบ้างในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ซึ่งลูกค้าใช้เวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น แนวราบเป็นทาวน์เฮาส์ ส่วนคอนโดราคาต่ำ 3 ล้านบาท ตลาดระดับบนยังไปได้เพราะส่วนใหญ่ซื้อสด โดยแสนสิริมียอดรีเจ็กต์เรตไม่สูงอยู่ที่ 7% กลุ่มระดับล่าง 10-20%

        นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2567 ตลาดอสังหาฯ คงมีปัจจัยความท้าทายต่อเนื่องจากปี 2566 คือ อัตราดอกเบี้ย หนี้ครัวเรือน ความมั่นใจของนักลงทุนตลาดทุน และการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใช้เวลานาน ทำให้บริษัทเลื่อนเปิดคอนโดมิเนียมบางโครงการมาเปิดปี 2567

 

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย