'สุขุมวิท'แชมป์คอนโด'ไพร์ม-ซูเปอร์ไพร์ม' เกาะทำเลโรงเรียนนานาชาติดันมูลค่าเพิ่ม

05 ต.ค. 2566 183 0

 

          บุษกร ภู่แส กรุงเทพธุรกิจ

          ณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดระดับซูเปอร์ไพร์มราคายูนิตละ 15 ล้านบาทขึ้นไปและไพร์มราคา 10-15 ล้านบาทต่อยูนิต ในกรุงเทพฯ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอุปทานคอนโดซูเปอร์ไพร์มเปิดเพียง 1 โครงการ 180 ยูนิต  ขณะที่คอนโดระดับไพร์ม “ไม่มี” อุปทานเกิดใหม่ ส่งผลอัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดซูเปอร์ไพร์มและไพร์มสูงถึง 80%

          “การกลับมาของกลุ่มชาวจีนส่งผลให้ตลาดมีความคึกคัก และปัจจัยเพิ่มเติมที่ใช้ในการเลือกโครงการ คือทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ”

          ทั้งนี้ ภาพรวมการขยายตัวของ ตลาดคอนโดระดับซูเปอร์ไพร์มและไพร์ม ยังคงเติบโตอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าที่ดินในการพัฒนาจะน้อยลง แต่ความต้องการ ในตลาดกลุ่มนี้มีระดับสูง! ในกลุ่มผู้ซื้อ ชาวไทยและต่างชาติ

          “ทำเล” ยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้ซื้อ ตัดสินใจลงทุนคอนโดกลุ่มนี้ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงนิยมซื้อ คอนโดเหล่านี้ไว้เพื่อขายต่อในอนาคตเพราะเชื่อว่ายังสามารถทำราคาได้ดี แม้จะเป็น “คอนโดมือสอง” ก็ตาม  โดยที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพ (Prime Area) ในโซน CBD หรือ Central Business District อาทิ สีลม ชิดลม สุขุมวิท ได้รับความนิยมตลอดเวลา ขณะที่คอนโดใกล้โรงเรียนนานาชาติในย่าน CBD เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน  ในแง่อุปทานคอนโดระดับซูเปอร์ไพร์ม กลางปี 2566 มีอุปทานทั้งสิ้น 5,194 หน่วย โดยช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา มีอุปทานเปิดขายใหม่ 180 หน่วย จำนวน 1 โครงการ คอนโดซูเปอร์ไพร์มส่วนใหญ่มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณสุขุมวิท สัดส่วน 46% ตามด้วย ย่านลุมพินี 22% ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและ สาทร/สีลม เท่ากันที่16%

          คอนโดระดับไพร์มกลางปี 2566 มีอุปทาน 5,271 หน่วย และยังไม่มีอุปทานเปิดในครึ่งปีแรกนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลสุขุมวิท สัดส่วน 39% ตามด้วย สาทร/สีลม 30% ลุมพินี  24%  ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  7%

          ในครึ่งปีแรก 2566 ตลาดคอนโดระดับซูเปอร์ไพร์มและไพร์ม ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง จากการมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาส่งผลให้อัตราการขายลดลงเล็กน้อย โดยคอนโดซูเปอร์ไพร์มขายได้ทั้งสิ้น 4,309 หน่วย จากอุปทาน 5,194 หน่วย อัตราการขาย 83% “ลดลง” จากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 0.3% ส่วนอุปสงค์คอนโดระดับไพร์ม ครึ่งปีแรก 2566 ขายได้ 4,216 หน่วย จากอุปทานทั้งสิ้น 5,271 หน่วย คิดเป็นอัตราการขาย 80%

          “กลุ่มผู้ซื้อยังคงเป็นชาวไทยที่มีฐานะมั่งคั่งและเป็นกลุ่มอยู่อาศัยจริงเป็นหลัก นอกจากนี้เริ่มเห็นกลุ่มชาวจีนกลับมาซื้อบ้างแล้ว สะท้อนได้จากยอดการ โอนกรรมสิทธิ์” ขณะที่ระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดระดับซูเปอร์ไพร์มกลางปี 2566 ราคาขายอยู่ที่ 378,600 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 ในอัตรา 0.87 % ที่มีราคาขายเฉลี่ย  374,745 บาทต่อตารางเมตร ส่วนคอนโดไพร์ม กลางปี 2566 ราคาขายเฉลี่ย 273,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจาก สิ้นปี 2565 ในอัตรา 0.96% โดยพบว่าอัตราการดูดซับของตลาดที่มีค่อนข้างสูงจึงมีหน่วยเหลือขายเพียง 20% ทำให้ตลาดมีตัวเลือกที่ค่อนข้างเหลือน้อยและจำกัด  สำหรับแนวโน้มคอนโดซูเปอร์ไพร์มและไพร์ม มีดีมานด์ต่อเนื่องเพราะเป็นอสังหาฯ ที่สามารถสร้างมูลค่าได้ค่อนข้างดีไม่ว่าจะปล่อยเช่าหรือขายต่อ หากแต่อุปทาน ที่เหลืออยู่เริ่มน้อยลง รวมถึงการเกิดขึ้นใหม่ ของอุปทานในอนาคต อาจทำให้แนวโน้มราคาขายปรับสูงขึ้นในอนาคต ขณะที่ ผู้ประกอบการอาจต้องอาศัยจังหวะในการพัฒนาโครงการตอบโจทย์การอยู่อาศัย รวมถึง การเลือกหาทำเลที่ดีในการพัฒนา

          “ทำเลที่ดีจะเป็นปัจจัยบวกทำให้โครงการได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะความเป็นเอกลักษณ์ของทำเล ส่งผล ให้ราคาขายมีมูลค่าสูงตาม”

          การกลับมาของกลุ่มชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีน กำลังซื้อหลัก!  ทำให้ตลาดคอนโดระดับนี้ คึกคัก เป็นสัญญาณที่ดีต่อดีเวลลอปเปอร์หลายรายที่พับแผนพัฒนาโครงการเตรียมความพร้อมลุยโครงการใหม่อีกครั้ง

 

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย