LPN เจ๋งปี65กำไร612ล้านโต102% รายได้รวมพุ่ง84% แตะ10,301ล้าน
“แอลพีเอ็น” แจ้งงบปี 65 เบ่งกำไรสุทธิ 612.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.4% จากปีก่อน หลังโควิด-19คลี่คลาย หนุนทุกกลุ่มธุรกิจรายได้เติบโต โกยรายได้รวม 10,301.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.02% จากปีก่อน ตุนแบ็กล็อก 1,850 ล้านบาท รับรู้ปี 66-67 ฟากบอร์ดใจดีอนุมัติจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 0.02 บาท ขึ้น XD 1 มี.ค.นี้ และจ่าย 18 เม.ย. 66
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 612.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.4% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 302.33 ล้านบาท และมีรายได้รวม 10,301.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.02% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,598.05 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นเกิดจากรายได้จากทุกธุรกิจเพิ่มขึ้น
โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น บริษัทได้มีการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ตกแต่งสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ และด้วยปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจเริ่มกลับมาปกติ อีกทั้งรัฐบาลยังคงมาตรการส่งเสริมอสังหาริมทรัพย์ไว้เกือบตลอดทั้งปี ขณะที่ธุรกิจให้เช่าและบริการก็มีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยสถานการณ์ของโควิด-19 ผ่อนคลายดีขึ้น ทำให้การเช่ายังคงเพิ่มขึ้น และจากการรับบริหารโครงการ งานบริการทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริการอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และส่งผลต่อกำไรสุทธิ
ขณะที่โครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบในปี 2565 มีจำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,800 ล้านบาท ได้แก่ อาคารชุดพักอาศัยจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์, 2.โครงการ ลุมพินี ซีเล็คเต็ค จรัญ 65-สิรินธร สเตชั่น, 3.โครงการ โครงการลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 และ 4.โครงการ ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด สเตชั่น มูลค่าโครงการประมาณ 4,520 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบ้านพักอาศัยของบริษัทย่อย จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการเมซอง 168 ลาดพร้าว 101 และ 2.โครงการลุมพินี ทาวน์วิลล์ สายไหม 18–พหลโยธิน มูลค่าโครงการประมาณ 1,170 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์ของบริษัทย่อยจำนวน 1 โครงการ คือโครงการทาวน์ วิลล์ ลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ ประมาณ 110 ล้านบาท
สำหรับในปี 2565 บริษัทมียอดขาย (Presale) รวมอยู่ที่ 8,350 ล้านบาท โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,450 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 3 โครงการ ซึ่ง จากยอดขายดังกล่าว ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 1,850 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปี 2566-2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2565 (1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565) เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท ซึ่งบริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ดังนั้น จึงเหลือจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 เมษายน 2566 ซึ่งบริษัทจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 3 เมษายน 2566
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น