10เดือนบ้าน100ล้านทะลัก ไฮโซ-เศรษฐี ช็อปกระหน่ำ
ไฮไซ-เศรษฐีกระเป๋าหนักช็อปบ้านหรูเพลิน สถิติ 10 เดือนแรกปี 65 แข่งเปิดขาย 72 โครงการ มูลค่าทะลุ 1 แสนล้าน “แสนสิริ” ย้ำเจ้าตลาด ซูเปอร์ลักเซอรี่ 50-100 ล้าน ขายเกลี้ยงใน 1 เดือน “เมเจอร์” ปลื้ม ยังไม่เปิดให้ชมบ้านแต่ยอดขายเกิน 50% “ศุภาลัย-สัมมากร-เอพี- สิงห์-พราว-เอสซี” ปักหมุดทำเลในเมือง “อเมทัสฯ” มาแปลกเปิดขายหลังเดียวทั้งโครงการ 385 ล้าน
ยุคโควิดกลายเป็นสวรรค์นักช็อปบ้านลักเซอรี่-ซูเปอร์ลักเซอรี่ ซึ่งผู้ซื้อเป็นกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง สามารถตัดสินใจซื้อโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการเงินหากสินค้าถูกใจ โดยโครงการที่มีราคาขายหลังละ 50-100 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท สามารถปิดการขายภายใน 1 เดือน สร้างสถิตินิวไฮขายดี-ขายเร็วที่สุดในเมืองไทยในขณะนี้
10 เดือนบ้านพรีเมี่ยมแสนล้าน
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN เปิดเผยว่า ผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลสะสม 10 เดือนแรก (มกราคม-ตุลมคม 2565) พบว่า มีหน่วยเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 87,507 หน่วย เพิ่มขึ้น 116% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 มีมูลค่าเปิดใหม่รวม 373,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91%
แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 81 โครงการ 44,797 หน่วย เพิ่มขึ้น 187% มูลค่ารวม 117,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% และมีอัตราขายเฉลี่ย 30% และบ้านแนวราบเปิดตัวใหม่ 247 โครงการ จำนวน 42,710 หน่วย เพิ่มขึ้น 71% มีมูลค่ารวมกัน 256,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108%
ไฮไลต์อยู่ที่สถิติ 10 เดือนแรกปีนี้ เป็นการลงทุนโครงการบ้านระดับ พรีเมี่ยม จำนวนเพียง 72 โครงการ แต่มีมูลค่ารวมกันสูงถึง 107,687 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 42% ของการเปิดตัวใหม่ประเภทบ้านแนวราบ และคิดเป็นสัดส่วน 28% ของการลงทุนเปิดตัว โครงการใหม่ในภาพรวม โดยโครงการ พรีเมี่ยมเป็นการเปิดตัวของสินค้า บ้านเดี่ยวมากสุด สัดส่วน 85%
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร ประธาน บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก กล่าวเพิ่มเติม ว่า ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ ในช่วง 5 ปี (2560-2564) พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิด มีค่าเฉลี่ยการเปิดตัวโครงการใหม่ 318 หลัง/ปี ขณะที่ ปี 2565 มีการลงทุนใหม่มากถึง 883 หลัง เติบโต 2.8 เท่าของค่าเฉลี่ย 5 ปี ดังกล่าว
ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดอยู่ในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก มีซัพพลาย 1,449 หลัง คิดเป็นสัดส่วน 39% ของภาพรวมทุกทำเลในกรุงเทพฯ มียอดขายแล้ว 71% ซึ่งพบว่าเซ็กเมนต์ลักเซอรี่ มีอัตราขายดีถึงดีมาก เมื่อเทียบกับ อัตราขายได้ของเซ็กเมนต์บน-กลาง-ล่าง
แสนสิริ 6 พันล้านใน 1 เดือน
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริเจาะตลาดลักเซอรี่โครงการแรกเมื่อ 38 ปีก่อนภายใต้แบรนด์ “บ้านไข่มุก” คอนโดมิเนียมตากอากาศที่หัวหิน หลังจากนั้นก็ประสบความสำเร็จมาตลอดในเซ็กเมนต์อสังหาริมทรัพย์ระดับลักเซอรี่ และซูเปอร์ลักเซอรี่ อาทิ คอนโดฯ 98 ไวร์เลส ราคาตารางเมตรละ 4-8 แสนบาท, บ้านแสนสิริ พัฒนาการ 30 ราคา 60-300 ล้านบาท ซึ่งปิดการขายแล้ว
ล่าสุด ไตรมาส 3/65 แสนสิริประสบความสำเร็จอีกครั้งในการเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์ “นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา” จำนวน 68 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ราคายูนิตละ 50-100 ล้านบาท โดยทุบสถิติปิดการขายรวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ภายใน 1 เดือน สร้างประวัติศาสตร์โครงการลักเซอรี่ ที่ขายดีที่สุดและเร็วที่สุดของเมืองไทยในขณะนี้
ทั้งนี้ แสนสิริวางแผนเดินหน้าเปิดตัวแบรนด์ “นาราสิริ พหล-วัชรพล” เพื่อต่อยอดความสำเร็จแบรนด์นาราสิริ ในปี 2566 พร้อมรุกเปิดตัวแบรนด์ “บูก้าน กรุงเทพกรีฑา” ในทำเลกรุงเทพกรีฑา คอมมิวนิตี้ สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ บนที่ดินรวม 300 ไร่
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขายโครงการระดับลักเซอรี่ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่แสนสิริสามารถปิดการขายราคา 50-100 ล้านบาท ภายใน 1 เดือน เพราะเราเข้าใจทุกรายละเอียด ซึ่งคำว่า ลักเซอรี่ไม่ใช่แค่การเลือกใช้ของที่มี ราคาสูงเท่านั้น แต่เป็นวิธีในการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด บริเวณทางเข้าหลัก ส่วนกลาง และสวนร่มรื่น ประตูทางเข้าหลัก ดีไซน์พิเศษสูง 12 เมตร ทางเข้าโครงการปูด้วยอิฐสไตล์ Herringbone Brick Pattern ในสวนมีประติมากรรมน้ำพุ สนามเด็กเล่นแรงบันดาลใจจาก Alice in Wonderland” นายเศรษฐากล่าว
เมเจอร์ฯขาย 50% ก่อนเปิดตัว
“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ต่อยอดความสำเร็จครั้งใหม่ เปิดโฉม “มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา” บ้านเดี่ยวระดับ luxury wellness residence บนทำเลฮอตให้ชมครั้งแรก หลังกวาดยอดขายทะลุ 50% ตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดให้ชมบ้านตัวอย่างจริง ชูเมกะเทรนด์ well-living สะท้อนนิยามใหม่ของความลักเซอรี่ ยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดี ครอบคลุม 6 มิติ ออกแบบดี-สังคมดี- พักผ่อนดี-บริการดี-สัมผัสดี-สุขภาพดี จากการจับมือหลากพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ดึงเสน่ห์เมืองมอลตัน หนึ่งในเมืองน่าอยู่ที่สุดของอังกฤษ ผสาน timeless design ส่งมอบคุณค่าเหนือระดับให้ผู้ถือครองบนทำเลแห่งอนาคต ใกล้สถานศึกษา-โรงพยาบาล-แหล่งไลฟ์สไตล์ เชื่อมต่อได้หลากเส้นทาง ราคาเริ่ม 38-80 ล้านบาท
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดระดับลักเซอรี่และคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (pet-friendly residences) กล่าวว่า เมเจอร์ฯต่อยอดความสำเร็จ ของแบรนด์มอลตัน ซึ่งเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ โดยเปิดโครงการใหม่ “มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา” มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ราคา 38-80 ล้านบาท จำนวนจำกัด 49 ยูนิต
โดยจัดอีเวนต์เปิดพรีเซลเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา จุดโฟกัสอยู่ที่มียอดขายแล้ว 50% ก่อนเปิดให้ชมโครงการ สะท้อนให้เห็นดีมานด์บ้านระดับลักเซอรี่มีอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีกำลังซื้อสูง เป็นสินค้าที่เหมาะทั้งซื้ออยู่อาศัยเองและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือครองในระยะยาว
รายละเอียด โครงการสร้างบนที่ดินรวม 21 ไร่ มีให้เลือก 3 แบบบ้าน ที่ดิน 71-137 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 403-554 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 4-5 ห้องนอน 4-5 ห้องน้ำ 3-5 ที่จอดรถ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก ห้องแม่บ้าน ลิฟต์ส่วนตัว ประตูทางเข้า 2 ชั้น และ 2 คลับเฮาส์ เป็นบ้าน 6 มิติรองรับการอยู่อาศัยหลากหลายเจเนอเรชั่น บรรยากาศส่วนตัวท่ามกลางสังคมคุณภาพ ระบบบ้าน ปลอดฝุ่นและฟอกอากาศป้องกันฝุ่นจิ๋ว โดยร่วมกับปัญญ์ปุริ รังสรรค์ “PANPURI Private Edition” กลิ่นหอมเฉพาะตัวเพิ่มความผ่อนคลาย แฝงกลิ่นอาย ความเป็นผู้ดีอังกฤษ และทุกหลังมอบชุดตรวจสุขภาพทางไกล TytoCare กับแอปติดตามสุขภาพ EngageCare โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลสมิติเวช
ศุภาลัยปักหมุดใจกลางฝั่งธนฯ
นางสาวธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/65 ศุภาลัยขยายโปรดักต์ใหม่เจาะตลาด เรียลดีมานด์ในกลุ่มกำลังซื้อระดับ ลักเซอรี่ โดยเปิดตัวแบรนด์ “ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ ท่าพระ อินเตอร์ เชนจ์” จำนวนจำกัดเพียง 18 ยูนิต ออกแบบเป็นโฮมออฟฟิศและบ้านแฝด สไตล์โมเดิร์นลักเซอรี่ จุดขายใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีท่าพระ 600 เมตร ราคา 19.9-37 ล้านบาท
รายละเอียด โฮมออฟฟิศ 4 ชั้นครึ่ง จำนวน 14 ยูนิต ดีไซน์เรียบหรูทันสมัย มีเอกลักษณ์ห้องโถง double volume เพดานสูงโปร่งเชื่อมกับชั้นลอย พื้นที่ใช้สอย 351-516 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องทำงาน 7 ห้องน้ำ พื้นที่พาณิชย์ ชั้น 1 จอดรถ 2-3 คัน กับบ้านแฝด 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 4 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 390-462 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 2 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องรับแขก 1 ห้องทำงาน 6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 4 คัน ทุกยูนิตติดตั้งระบบสมาร์ทโฮม ลิฟต์โดยสารและอีวี ชาร์จเจอร์ โดยมีพื้นที่จอดรถส่วนกลาง 15 คัน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
สัมมากรปักหมุดพาร์ค เฮอริเทจ
นายณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวแบรนด์ “Park Heritage-พาร์ค เฮอริเทจ” ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุน โดยสัมมากรถือหุ้น 51% บริษัท แอสเซท โปร จำกัด ถือหุ้น 49% มูลค่าโครงการ 2,210 ล้านบาท บนทำเลซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 จำนวน 32 ยูนิต ราคา 49-95 ล้านบาท บนพื้นที่รวมเกือบ 13 ไร่ ออกแบบเป็นคฤหาสน์ 3 ชั้น พร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว บนที่ดิน 60-133 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 471-778 ตารางเมตร คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/68
พาร์ค เฮอริเทจ จัดวางผังโครงการโดยสถาบันอาศรมศิลป์ ชูจุดเด่น cluster zone บ้านแต่ละโซนมีจำนวนหลังไม่มาก ผังบ้านเรียงเป็นแนวเดียวทำให้หลังบ้านไม่ชนกัน โดยมีพันธมิตร ผู้ออกแบบ บริษัท PIA ร่วมออกแบบ 3 แบบบ้านที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่คงคอนเซ็ปต์ความร่วมสมัยที่ไร้ กาลเวลา โดยบริษัทจัดนิทรรศการ “The timeless moments” ผ่านมุมมอง “ตุลย์ หิรัญญลาวัลย์” ศิลปินภาพถ่ายแนวไฟน์อาร์ตแบบขาว-ดำ ที่สะท้อนความประณีตและความสวยงามแบบ ไร้กาลเวลาในทุกรายละเอียดของโครงการได้อย่างลงตัว
“อสงไขย” หลังเดียวทั้งโครงการ
นายไชยฤทธิ์ ชัยสิทธิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาเมทัส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทประสบ ความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการ “แอสเทียร์” สามารถปิดการขายภายใน 3 เดือน ล่าสุดจึงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่แบรนด์ “อสงไขย” พูลวิลล่าระดับอัลตราลักเซอรี่จำนวน 1 ยูนิตเท่านั้น บนหาดดงตาล พัทยา มูลค่า 385 ล้านบาท
รายละเอียด อสงไขยออกแบบ เป็นพูลวิลล่าหรูริมทะเล สร้างบนที่ดิน 1 ไร่ 49 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 2,900 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความ สะดวก อาทิ infinity garage สระว่ายน้ำ แบบอินฟินิตี้เอดจ์พูล, เอ็กซ์คลูซีฟบาร์, โฮมเธียเตอร์ส่วนตัว, ห้องออกกำลังกายวิวสระว่ายน้ำ และ panoramic sea view living area
“โครงการอสงไขยตั้งอยู่บนหาดดงตาล นับเป็นที่ดินผืนสุดท้ายและเปรียบเสมือนเป็น billionaire street ของพัทยา ศักยภาพทำเลแปลงที่ดินค่อนข้างหาได้ยาก จึงถือเป็น limited collection เจาะลูกค้านิชมาร์เก็ต กลุ่มเจ้าของกิจการและ young successor ที่ต้องการที่อยู่อาศัยดีไซน์เหนือระดับ หากเปรียบเทียบราคาเฉลี่ยห้องเพนต์เฮาส์ในคอนโดฯ ทำเลบีชฟรอนต์ ตารางเมตรละ 2-2.5 แสนบาท แต่อสงไขยมีราคาเฉลี่ย 1.32 แสนบาท”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ