เซ็นทรัลยึดอีคอมเมิร์ซ-ห้างหรู
’ทศ’ เปิดโรดแมปขึ้นชั้นผู้นำตลาดโลก อัด4.6หมื่นล้าน ต่อยอดธุรกิจ
ลุยเพิ่มมูลค่าอสังหาฯ ทำเลทอง หลังปิดดีล1.8แสนล.เซลฟริดเจส
กลุ่มเซ็นทรัล ผงาดผู้นำห้างหรูโลกดันยอดขายปีนี้แตะ 2.6 แสนล้าน เดินหน้าต่อยอดอาณาจักรห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่หลังกว้านทำเลงามเมืองเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวทั่วโลก 80 เมือง 120 สาขา ลุยเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ผนึกพันธมิตรแบรนด์หรูดันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเชื่อมลูกค้า วางยุทธศาสตร์ Selfridges.com เขย่าคู่แข่ง
กลุ่มทุนค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติไทย “เซ็นทรัล” เคลื่อนธุรกิจมุ่งสู่องค์กรธุรกิจ 100 ปี ภายใต้ก้าวแห่งความสำเร็จอีกขั้น หลังปิดดีลซื้อกิจการ “เซลฟริดเจส” มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลทะยานสู่ผู้นำ “ธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลก” ด้วยเครือข่ายห้างสรรพสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา และห้างแฟลกชิปหรู 16 แห่ง ในหัวเมืองหลักของยุโรปและเอเชีย ร่วมเฉลิมฉลองธุรกิจเซ็นทรัลที่จะครบรอบ 75 ปี ในเดือน ต.ค.นี้ จากร้านหนังสือเล็กๆ ในยุคก่อตั้งของคนรุ่นแรก “เตียงและสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์” ขยายสู่ห้างสรรพสินค้า แห่งแรกในประเทศไทย และเป็นผู้สร้างห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคหลายแห่ง อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย
ภายใต้การนำทัพของ “ทศ จิราธิวัฒน์” แห่งเจนเนอเรชั่นที่ 3 วันนี้ กลุ่มเซ็นทรัล ผงาดโกลบอลแบรนด์เต็มตัว ด้วยขุมพลังแห่งเครือข่ายที่พร้อมจะพัฒนา ”ต่อยอด” เพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์บนทำเลทองในเมือง เศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เชื่อมต่อ คู่ค้า พันธมิตรแบรนด์หรู แบรนด์แฟชั่นผ่าน “แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ” สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการเข้าถึงลูกค้า!
”ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า การรวมกลุ่มเซลฟริดเจสเข้าสู่คอลเลคชั่นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ของกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลก ด้วยจำนวนห้างแฟลกชิปหรูในเมืองท่องเที่ยว ชั้นนำที่มากที่สุดในโลก พร้อมทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลักชัวรี่ระดับแนวหน้า
โดยเฉพาะการครอบครองอสังหาริมทรัพย์อันโดดเด่นถึง 19 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า “1 ศตวรรษ” และตั้งอยู่บนทำเลเด่นใจกลางเมืองสำคัญ ของยุโรป อาทิ ลอนดอน ซูริค โรม โคเปนเฮเกน ดับลิน และ เวียนนา สานต่อยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มเซ็นทรัล มุ่งการลงทุนใน “ธุรกิจลักชัวรี่” เริ่มจากการเข้าซื้อกิจการห้างหรู “รีนาเชนเต” ในประเทศอิตาลี เมื่อปี 2554 ตามด้วยอิลลุม ในปี 2556 กลุ่มคาเดเว ในปี 2558 โกลบุส ในปี 2563 และปี 2565 เข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส
”แบรนด์ลักชัวรี่ของยุโรปกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยกระแสของการท่องเที่ยวทั่วโลก แม้ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนแต่ตลาดลักชัวรี่สามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากความต้องการผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพและกลยุทธ์ที่มาถูกทาง”
ทั้งนี้ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้สร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ลักชัวรี่ยักษ์ใหญ่หลากหลายแบรนด์ มีการร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาห้างสรรพสินค้าทั้งหมดให้เป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งช้อปปิ้งช้อปปิ้งที่โดดเด่น! เป็นที่ภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน
โดยเครือข่ายห้างสรรพสินค้าใน ต่างประเทศของเซ็นทรัลนับว่าใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา ปัจจุบันห้างในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลต้อนรับลูกค้ากว่า 130 ล้านคนต่อปี กว่า 200 เชื้อชาติ และมีสมาชิกกว่า 6 ล้านคน พร้อมตั้งเป้าหมาย ยอดขายปีนี้กว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือ 2.6 แสนล้านบาท
กลุ่มเซ็นทรัลยังมุ่งหน้าลงทุนต่อเนื่องในภูมิภาคยุโรป ใน 5 ปีข้างหน้า เตรียมลงทุน 13,630 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2,726 ล้านบาทต่อปี (75 ล้านยูโร/ปี) ในการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าปัจจุบัน (คาเดเว, โกลบุส, รีนาเชนเต) และพัฒนาบริการผ่าน ออมนิแชแนล และทุ่มงบอีกว่า 32,723 ล้านบาท (900 ล้านยูโร) สำหรับ 3 โปรเจกต์ใหม่ ในเยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่กำลังถูกพัฒนาและที่อยู่ระหว่างการศึกษาในขณะนี้ อาทิ คาร์ช เฮาส์ (Carsch-Haus) ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี มีการปรับปรุงตึกคาร์ช เฮาส์ ให้เป็นห้างหรูใจกลางเมืองดุสเซลดอร์ฟ จุดเด่นของโครงการนี้ประกอบไปด้วยการขุดจัตุรัสเมืองบริเวณข้างหน้าห้าง เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่รีเทลชั้นใต้ดินที่โดดเด่น ซึ่งจะมีร้านค้าแบรนด์ดังหลากหลายเข้าร่วม และบนระเบียงชั้นสูงจะมีร้านอาหารขนาดใหญ่ให้บริการ คาดเปิดตัวภายในปี 2566
เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย จะเป็นห้างหรูแห่งแรกของเมืองเวียนนา บวกกับ โรงแรม ทอมป์สัน และพื้นที่สีเขียวสวยงามบนหลังคาตึก ซึ่งโครงการนี้ถูกออกแบบโดย O.M.A แล้วเสร็จในปี 2567
โกลบุส บาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นการพัฒนาตึกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่ที่มาร์กแพลตซ์ (Markplatz) ณ ศูนย์กลางของเมืองบาเซิล ให้เป็นห้างหรูที่คงไว้ซึ่งความสวยงามที่เป็นมรดกดั้งเดิม คาดเปิดตัวในปี 2568 และ “เซลฟริดเจส ลอนดอน” อยู่ระหว่างการประเมินเพื่อเปิดโรงแรมหรือทำธุรกิจอื่นๆ รวมทั้ง พื้นที่กลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่างๆ
ขณะเดียวกัน มีการปรับปรุง ห้างสรรพสินค้าในยุโรปต่อเนื่อง ได้แก่ “ห้างคาเดเว เบอร์ลิน เยอรมนี” โซนลักชัวรี่ และเครื่องประดับในชั้น Ground ได้ถูกปรับปรุงอย่างเสร็จสิ้นแล้วในปีนี้ หลังจากเปิดโถงบันไดเลื่อนที่ลงทุนสร้างใหม่หมดในเดือนตุลาคม 2564 โดยห้างคาเดเวเป็นห้างที่มีลักชัวรี่แบรนด์ที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนลงทุนสร้างร้านค้าด้วยคอนเซ็ปต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
”ห้างโกลบุส ซูริก และเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์” ตั้งแต่ปี 2564 ร้านแฟลกชิปที่ซูริกได้เริ่มการปรับโฉมให้กลายเป็นห้างหรู และได้มีการนำแบรนด์ลักชัวรี่ดัง และคอนเซ็ปต์ใหม่ของสินค้าตกแต่งบ้าน และอาหาร มานำเสนอเป็นครั้งแรก และการปรับปรุงในรูปแบบนี้จะต่อเนื่องไปที่ชั้นอื่นๆ โดยโกลบุสที่เจนีวา จะเข้าสู่โปรแกรมการพัฒนาเช่นเดียวกันในเริ่มตั้งแต่ปี 2566
”ห้างรีนาเชนเต มิลาน ดูโอโม่ อิตาลี” ปรับปรุงพื้นที่ชั้นผู้ชาย ชั้นสอง ให้กลายเป็นชั้น สินค้าผู้ชายอย่างครบวงจร ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้าและ รองเท้า โดยจะปรับปรุงให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น
”รีนาเชนเต โรม ฟิอูเม่ อิตาลี” ปรับปรุงโฉมใหม่ด้านหน้าของตัวห้าง ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จในปี 2566 โดยได้เก็บรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อดัง Franco Albini
จะเห็นว่า การขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหมดอยู่ภายใต้ 2 กลยุทธ์ “ลักชัวรี่” กลยุทธ์แรก เน้นพัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์ พัฒนาแปลงโฉมห้างสรรพสินค้าเป็นหัวใจหลักของการ ดำเนินการในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น LVMH, Kering และ Richemont เพื่อยกระดับ และเพิ่มความหลากหลายของสินค้า เน้นการตกแต่งคุณภาพสูงของห้างและร้านค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้ลูกค้า โดยแต่ละห้างได้ถูกออกแบบให้แสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง เพื่อให้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม
นอกจากนี้ แต่ละห้างยังมีสินค้าอาหาร ระดับพรีเมี่ยม และมีร้านอาหารหลากหลายไว้บริการ ซึ่งผู้มาเยือนสัมผัสความพิเศษเหล่านี้ในโฉมใหม่ของ ห้างคาเดเว ในเบอร์ลิน ห้างรีนาเชนเตในมิลานและโรม และห้าง โกลบุส ในซูริก ที่ได้ถูกปรับปรุงและพัฒนาไปเมื่อไม่นานมานี้
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้า หลายแห่งในหลายประเทศ รวมถึงการสร้างโครงการใหม่ อีก 3 แห่ง นอกจากนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาโอกาสเพื่อพัฒนาเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทำเลทอง ใจกลางเมืองลอนดอน ที่เซลฟริดเจสแฟลกชิป บนถนนออกซ์ฟอร์ด อีกด้วย
สำหรับ กลยุทธ์ที่สอง มุ่งต่อยอดความผู้นำ “แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ” และเป็นพันธมิตรคู่ค้าที่มีเครือข่ายทั่วโลกให้กับแบรนด์ลักชัวรี่และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำต่างๆ
ปัจจุบัน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปมีผู้มาเยือนกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก สร้างยอดขาย 3.8 หมื่นล้านบาทต่อปี (1 พันล้านยูโร) คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด
”โดยยอดขายออนไลน์ในต่างประเทศของ Selfridges.com มีสัดส่วนสูง 40% สะท้อนถึงการมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่แข็งแกร่ง เทียบได้กับคู่แข่งที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ”
ทศ กล่าวว่า ได้วางยุทธศาสตร์ให้ Selfridges.com เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเน้นใช้จุดแข็ง ของแบรนด์เซลฟริดเจส ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดีทั่วโลก แบรนด์และสินค้า พร้อมคอลเลคชั่นพิเศษสุด เอ็กซ์คลูซีฟ จากทุกห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเครือ เทคโนโลยีล้ำสมัย และฐานข้อมูล ลูกค้า ในการยกระดับประสบการณ์ และมอบบริการให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล ผนวกกับเครือข่ายห้างสรรพสินค้าใน 11 ประเทศ เพื่อสื่อสารและเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ที่สำคัญ บริการแบบ “ออมนิแชแนล” ที่แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่งอีคอมเมิร์ซทั่วไป! โดยเฉพาะในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานการดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัล ลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศไทยจะสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรี่และคอลเล็คชั่นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางนี้
ขณะที่ผู้ถือบัตร “The 1” สามารถสะสมแต้ม และรับข้อเสนอพิเศษต่างๆ เมื่อช้อปปิ้งช้อปปิ้งช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต อิลลุม และคาเดเว ยังจะสามารถรับสิทธิประโยชน์ในรูปแบบเดียวกันที่ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส และห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ในยุโรปภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลได้เร็วๆ นี้ เป็นส่วนสำคัญของการผลักดันให้ห้างสรรพสินค้าเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิต หรือ “Central of Life”
กลุ่มเซ็นทรัล ก่อตั้งในปี 2490 บริหารโดยตระกูลจิราธิวัฒน์มากว่า 4 เจนเนอเรชั่น นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท ผ่าน รูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย ทั้ง ออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป โดยกลุ่มเซ็นทรัล มีพนักงานกว่า 80,000 คน ให้บริการลูกค้าสมาชิก 30 ล้านราย และต้อนรับผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 40 ล้านคนต่อเดือน กลุ่มเซ็นทรัลดำเนินงานในกว่า 3,700 สาขา บนพื้นที่กว่า 7 ล้านตารางเมตร ใน 18 ประเทศ 142 เมือง
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ