ศุภาลัย เร่งตุนที่ดินรับสัญญาณคอนโด-บ้านลักชัวรีฟื้น
ศุภาลัย ส่งสัญญาณบวก “คอนโด -บ้านลักชัวรี” ไต่ระดับฟื้นตัว หลังชะลอนาน 2 ปี เทงบกว่า 8 พันล้าน เดินหน้ารับซื้อที่ดินทั่วประเทศรับแผนพัฒนาโครงการแนวราบ-แนวสูง
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาสสองมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากสัญญาณบวกในไตรมาสแรก โดยบริษัทสามารถทำยอดขายแนวราบได้ดีที่สุดตั้งแต่ดำเนินกิจการ มียอดขายสูงสุดต่อไตรมาส รวมทั้งคอนโดมิเนียม
“สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย เชื่อว่า ไตรมาสสองยอดขายน่าดีต่อเนื่อง และ ดีกว่าปีที่ผ่านมา ฉะนั้นยอดขายรวมครึ่งปีแรกดีกว่าปีที่แล้ว”
ทั้งนี้ ไตรมาสแรกที่ผ่านมาศุภาลัยเปิดตัว 6 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท ไตรมาสสองเปิดตัว อีก 7 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท จากแผนเปิดตัวทั้งหมด 34 โครงการ ขณะที่ยอดลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 15% เทียบกับ ปีที่ผ่านมา เป็นสัญญาณที่ดีในการปิดการขาย สะท้อนว่าสินค้าเป็นที่น่าสนใจ โดยสินค้าแนวราบมีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์และสินค้าใหม่ออกมานำเสนอแก่ลูกค้า “ตลาดคอนโดมิเนียมเติบโตต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่โควิด-19 พีค ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ระดับราคา 2-4 ล้านบาท เป็นเซ็กเมนต์ที่ไปได้ดีเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ทำงานออฟฟิศ มีความมั่นคงทางการงาน และมีความต้องการที่อยู่อาศัย ส่วนลูกค้าระดับบน ส่วนใหญ่มีบ้านอยู่แล้ว เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีมาก จึงยังไม่ใช่เวลาที่อยากซื้อ”
อย่างไรก็ดี ในปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณว่า สินค้าที่อยู่อาศับระดับบนเริ่มกลับมาดี ยกตัวอย่าง ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 เป็นสินค้าในระดับราคาสูง พบว่า ยอดขายห้องใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาดีกว่า ช่วง 2 ปีก่อน เพราะเศรษฐกิจเริ่มหันหัวกลับมา ทั้งคอนโดมิเนียมราคาแพง หรือ บ้านราคา 10-20 ล้านบาท เพราะดอกเบี้ยต่ำ จูงใจกลุ่มมีกำลังซื้อ
นายไตรเตชะ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทมีที่ดินรอพัฒนาอีกกว่า 10 แปลงทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม ในฝั่งธนบุรี ซึ่งปีนี้ แนวราบขายตลาดไปได้ค่อนข้างดีกระจายไปหลายพื้นที่แต่ที่ดีเป็นพิเศษ คือ ในโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก มาแรง และหัวเมืองภูมิภาค โดยก่อนหน้านี้ศุภาลัยขยายการพัฒนา ใน 14 จังหวัด มีแผนขยายเพิ่มเติมอีก 5 จังหวัด จะแล้วเสร็จในปีนี้และปีหน้า
ปัจจุบัน ศุภาลัยอยู่ระหว่างการซื้อที่ดินเพิ่มทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ โดยตั้งงบประมาณซื้อที่ดินไว้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งต้องการที่ดินขนาดตั้งแต่ 2-10 ไร่ รองรับโครงการแนวสูง ส่วนแนวราบ ต้องการที่ดินขนาด 10 ไร่ ขึ้นไปจนถึง 100-200 ไร่
“ที่ดินถือเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการ หากไม่มีที่ดินก็ไปต่อไม่ได้ ปัจจุบันเรามีที่ดินเพียงพอสำหรับพัฒนาโครงการปีนี้และปีหน้า”
ล่าสุดบริษัทเปิดตัวโครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ มูลค่า 1,056 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ตอบโจทย์ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลถนนเพชรเกษม คาดปีนี้จะได้ยอดขายพรีเซล 60% คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ