SPALI ลุยโครงการใหม่ขยายฐานหัวเมืองตจว.

28 ก.พ. 2565 634 0

          SPALI ลุยไตรมาสแรกปี 2565 เปิดตัวโครงการใหม่แล้ว 3 โครงการ จากทั้งหมด 8-9 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท อวดยอดขาย 2 เดือนแรกปี 2565 พุ่ง 20% ส่งสัญญาอสังหาเริ่มฟื้น เล็งขยายฐานเจาะหัวเมืองต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น อัดงบ 2 หมื่นล้านบาท รองรับซื้อที่ดินใหม่-โปรเจ็กต์ใหม่

          นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2565 มีการขยายตัวที่ดีขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งสอดคล้องไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การคลายมาตรการ LTV และสอดรับไปกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ลดลงหนุนให้ลูกค้าสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยที่ผ่านมายอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการ (Walk-in) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจะยังมีความไม่แน่นอนอยู่

          ยอดโค้งแรกพุ่ง

          ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2565 บริษัทวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 8-9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านบาท ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 3 โครงการ ประกอบด้วยแนวราบ 2 โครงการที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลา และอีก 1 โครงการคอนโด ที่วงศ์สว่าง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ในปี 2565 ไว้จำนวน 34 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท หนุนยอดขายปีนี้จะเติบโตได้ที่ไม่น้อยกว่า 28,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้

          โดยบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565 มากกว่า 29,000 ล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่าด้วยลูกค้ามีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์กันมากในช่วงปลายปีก่อน ส่งผลให้ยอดโอนในช่วงไตรมาส 1/2565 อาจทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส อื่นๆ แต่มองว่าไม่ได้มีนัยสำคัญต่อผลการ ดำเนินงาน เพราะเป็นปกติของทุกปี และเชื่อว่ายอดการโอนกรรมสิทธิ์จะมีการ กระจายตัวไปในทุกไตรมาสของปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในมืออยู่ที่กว่า 27,443 ล้านบาท ที่คาดจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 16,197 ล้านบาท

          ส่วนงบประมาณที่จะใช้ลงทุนในปี 2565 บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเพื่อรองรับการลงทุนจัดซื้อที่ดินใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตประมาณ 8,000 ล้านบาท ในส่วนที่เหลืออีกกว่า 12,000 ล้านบาท ใช้รองรับในการดำเนินการก่อสร้างโครงการทั้งหมดภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันเริ่มทยอยวางแผนและปรับพื้นที่ไว้แล้ว สำหรับโครงการใหม่ที่จะ เปิดตัวในปีนี้บริษัทมีที่ดินรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว และมีในส่วนของปี 2566 ไว้บ้างแล้วบางส่วน และจะขยายการลงทุนออกไปตามหัวเมืองในจังหวัดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

          ส่องอสังหาฟื้น

          สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2565 มองว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ เริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มกลับมาคือกลุ่มระดับบน ราคามากกว่า 10-20 ล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและมีกำลังซื้อ กลุ่มนี้จะเข้ามาลงทุนเป็นกลุ่มแรกก่อนที่กราฟเศรษฐกิจจะหันหัวขึ้น ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่คงมีการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปและคงใช้เวลาอีก 1-2 ปี กว่าจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เพราะกลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนยังไม่กลับมา ซึ่งมองว่ากว่าต่างชาติจะกลับมาจริงๆ ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

          “สัดส่วนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ เป็นแนวราบในกทม. 38% คอนโดใน กทม. 20% แนวราบหัวเมืองต่างจังหวัด 39% และคอนโดต่างจังหวัด 3% โดยปีนี้มีโอกาสเห็นการเข้าไปรุกเจาะตลาดใน จังหวัดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นถึง 5 จังหวัด เพราะมองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด มีการขยายตัวได้ดีไม่แพ้กัน และมองว่าด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในปัจจุบันจะช่วยหนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ได้เป็นอย่างดี” นายไตรเตชะ กล่าว

          บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 6.2 พันล้านบาท คาดว่าบริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากการปลดล็อกมาตรการ LTV เป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม จากการที่ปัจจุบันมีสินค้าประเภท Availablefor-Sale สูงถึง 7.9 หมื่นล้านบาท (แบ่งเป็นแนวราบ 4.5 หมื่นล้านบาท) คง คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 25.50 บาท

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย